ประวัติความเป็นมาของชมรมรักษ์พระบรมธาตุแห่งประเทศไทย
โดย คุณ ปราโมช ประสพสุขโชคมณี
ประธานชมรมรักษ์พระบรมธาตุแห่งประเทศไทย
ผมมีความสนใจในเรื่องพระธาตุครั้งแรก เมื่อสมัยที่คุณพ่อทำเหมืองพลอยที่ จ.กาญจนบุรี ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๓๕ ผมได้รู้จักกับเพื่อนลูกน้องคุณพ่อ ผมเรียกเขาว่า พี่บุญธรรม ซี่งพี่ บุญธรรมได้ให้พระธาตุพระสีวลีผมมา ๒ องค์และพูดเรื่องพระธาตุให้ผมฟัง ทำให้ผมมีความสนใจ ว่าพระธาตุคืออะไร? ขณะนั้นผมมีอายุประมาณ ๑๒ ปีซึ่งในความเป็นเด็กที่ยังสงสัยในเรื่องราวต่าง ๆ ก็หาหนังสือที่เกี่ยวกับพระธาตุมาอ่าน ทำให้ทราบเรื่องพระธาตุมากขึ้น วันหนึ่งในขณะดูโทรทัศน์ รายการแผ่นดินธรรมแผ่นดินทองนั้น ก็ได้เห็นคุณหญิงสุรีพันธ์ มณีวัติ ได้พูดถึงเรื่องราวของพระธาตุที่ท่านมีอยู่แล้ว และได้เสด็จมาเพิ่ม ได้กล่าวถึงสัณฐานต่าง ๆ ของพระบรมสารีริกธาตุ จึงทำให้ผมสนใจอยากไปกราบพระธาตุที่บ้านคุณหญิงสุรีพันธ์ ได้สอบถามเรื่องราวของพระธาตุที่ท่านมีอยู่ ซึ่งรวมถึงพระธาตุที่ท่านได้เสด็จมาสู่ท่านเองอย่างเป็นที่น่าอัศจรรย์ ก่อนกลับผมได้ร่วมทำบุญ เป็นจำนวน ๕๐๐ บาท และได้หนังสือ ปิตาบูชา พร้อมพระบรมสารีริกธาตุจำนวน ๙ องค์ ทำให้ผมเกิดความปิติยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้พระบรมสารีริกธาตุไว้บูชา
อีกเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้ผมได้เริ่มศึกษาเกี่ยวกับพระธาตุอย่างจริงจัง คือเมื่อประมาณวันที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๖ ผมได้เดินทางไปวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี พอดีวันนั้นทางวัดมีการจัดงานวันครบรอบ ๑ ปี การมรณภาพของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ผมได้ไปที่วัด และได้รู้จักกับหลวงพ่อ ตอนค่ำวันนั้นผมได้เข้าไปกราบสรีระของหลวงพ่อซึ่งอยู่ในโลงแก้ว ที่ตกแต่งอย่างวิจิตรสวยงาม ณ วิหาร ๑๐๐ เมตร ซึ่งมีคนมาร่วมงานนับหมื่น ผมเป็นคนกรุงเทพ ฯ ที่ไม่เคยเห็นงานที่มีประชาชนมาร่วมงานมากมายขนาดนี้ ทำให้ผมตื่นเต้นมาก แต่สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นมากไปกว่านั้น คือ เมื่อผมเข้าไปกราบด้านหน้าสรีระของหลวงพ่อ ได้เกิดสิ่งอัศจรรย์ขึ้น คือ มีพระธาตุใสดุจเพชร ขนาดเล็ก อยู่ด้านหน้าผมประมาณ ๑๐๐ กว่าองค์ ผมจึงอัญเชิญขึ้นในภาชนะที่จะสามารถหาได้ในขณะนั้น ซึ่งตอนนั้นทำให้ผมรู้สึกศรัทธา ปิติอย่างยิ่ง ในขณะนั้นก็ได้มีประชาชน พระภิกษุสงฆ์มาขอชมและโมทนาด้วย ทำให้ผมยิ่งดีใจอย่างบอกไม่ถูก
หลังจากกลับมากรุงเทพ ฯ ผมก็ได้มีประสบการณ์ต่าง ๆ เกี่ยวกับพระธาตุอีกมากมายและมีโอกาสได้เข้าไปอัญเชิญพระธาตุในป่าในถ้ำหลายครั้ง ซึ่งทำให้ผมได้มีประสบการณ์ ได้เห็น ได้พบสิ่งเร้นลับต่าง ๆ ที่ยากจะอธิบาย ได้เจออุปสรรคและเรื่องทดสอบกำลังใจหลายเรื่อง สิ่งต่าง ๆ ที่ผมได้พบเห็นทำให้ผมไม่มีความลังเล สงสัยในพระบรมธาตุ และพระรัตนตรัยอีกเลย
จนกระทั่งผมได้รับเชิญจากทางจังหวัดเชียงใหม่ ให้ไปจัดนิทรรศการพระบรมธาตุ เนื่องในงานฉลองน้ำสรงพระราชทาน ณ วัดโลกโมฬี และประเพณีเดินขึ้นดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ ในวันที่ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ ซึ่งตรงกับวันวิสาขบูชาพอดี ในตอนนั้นผมยังไม่รู้ว่าจะจัดงานอย่างไร เพราะไม่มีประสบการณ์เลย แต่ด้วยความตั้งใจจริงที่จะเผยแพร่ ในสิ่งที่ผมได้พบเห็น ได้สัมผัส และมีอยู่ จึงได้ตอบตกลง และได้ร่วมก่อตั้ง ชมรมรักษ์พระบรมธาตุแห่งประเทศไทย ขึ้นในวันที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ ก่อนวันงานเพียงไม่กี่สัปดาห์ การจัดนิทรรศการในครั้งนั้น ชาวเชียงใหม่ได้ให้ความสนใจเกินความคาดหมาย หลังจากนั้นทางชมรม ฯ ได้รับเชิญให้ไปจัดงานอีกหลายครั้งทั้งใน จ.เชียงใหม่ และที่อื่น ๆ จนเป็นที่ยอมรับของพุทธศาสนิกชนทั่วไป ต่อมาระหว่างวันที่ ๑๙ ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๘ ( วันมาฆบูชา ) ชมรม ฯ ได้มีโอกาสไปจัดงานที่ท้องสนามหลวงอีก ทำให้ชมรม ฯ ได้เผยแพร่เรื่องราวเกี่ยวกับพระธาตุ สู่ประชาชนได้กว้างขวางยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ทางชมรม ฯ ได้สร้างห้องพระธาตุขึ้น เพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุ สมัยพุทธกาล และสมัยปัจจุบัน ไว้ ณ ๒๔๒ ๒๕๐ อาคารศูนย์พลอยเอเชีย ถนน มเหสักข์ ซอย ๒ เขต บางรัก กรุงเทพฯ สำหรับให้ประชาชนผู้สนใจได้มีโอกาสมากราบสักการบูชา เพื่อเป็นสิริมงคล และเป็นกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติ ที่มุ่งหวังจะบรรลุมรรคผล นิพพาน ตามเจตนารมณ์ของชมรม ฯ ต่อไป