|
|
คนยุคพระพุทธเจ้าองค์แรก | |
กัณฑ์พิพัฒน์ | ความเป็นอยู่ของมนุษย์ยุคพระพุทธเจ้าพระองค์แรกเป็นอย่างไร ทำอาชีพอะไร รับประทานอาหารอะไร ออกกำลังอย่างไร ทำไมอายุถึงยืนเป็นหมื่น ๆ ปี |
ผู้ตั้งกระทู้ กัณฑ์พิพัฒน์ (kanphiphat-at-hotmail-dot-com) :: วันที่ลงประกาศ 2009-04-28 16:01:37 IP : 118.172.67.77 |
ก่อนหน้า1ถัดไป |
ความคิดเห็นที่ 1 (2996942) | |
เด่นชัย | ไม่เคยเห็นครับ จขกท. เคยเห็นเหรอ ใคร พอที่จะบอกได้ไหม ว่าอยู่ที่ไหน จะไปดูตัวเป็นๆ ซะหน่อย ได้ยินแต่ในข่าวลือ ว่ามี แต่ที่แน่ๆ ในโลกนี้ อายุยืนสุด 130 กว่าๆ ที่ลงกินเนสบุค ในเมืองไทย เกือบ 120 ปี ที่ยังมีชีวิตอยู่ที่ดอยปุย แต่ส่วนมาก ไม่เกิน 80-90 ปี ก็ไปเข้าเฝ้ายมบาลหมดแล้วครับ |
ผู้แสดงความคิดเห็น เด่นชัย วันที่ตอบ 2009-05-12 12:33:29 IP : 122.154.16.54 |
ความคิดเห็นที่ 2 (3000640) | |
ธรรมปพน | ถึง คุณกัณฑ์พิพัฒน์ จะกล่าวก่อนเลยว่า มนุษย์ ที่อายุยินยาวเป็นหมื่น เป็นแสนปี เหรอมากกว่านั้นไม่ได้มีแค่ในยุคที่กล่าวมาเท่านั้นน่ะครับ คือที่ผมอ่านมานั้น คนเราจะมีอายุที่ยินยาวมากเหรอน้อย ขึ้นอยู่กับศีลธรรมของคนในยุคนั้นๆครับ กล่าวอย่างนี้คงงงใช้ไหมว่า ว่ามันไม่เกี่ยวอะไรด้วย เดี๊ยวผมจะลองมาวิเคราะห์ให้ลองคิดตามดูน่ะครับ อย่ากแรกต้องเข้าใจก่อนว่าไม่ใช้อายุของคนจะผุดขึ้นทีเดียวจากเฉลี่ยร้อยปีเป็นแสนปีอะไรอย่างนั้น ม่ายช่ายยยย ครับ แต่จะค่อยเพิ่มขึ้นเหรอลดลงไปเรื่อยๆ ถามว่าเกี่ยวกับศีลธรรมอย่างไร ลองคิดดูน่ะ ถ้าคนทุกคนในสังคมเป็นคนดี คิดแต่ไม่เบียดเบียนผู้ใด มีศีลเป็นประจำ จะทำอะไรก้อคิดถึงผู้อื่น ไม่เคียดแค้น เริ่มต้นเลย การให้บริการต่าง ๆ ไม่ว่าจะอาหารการกิน ที่อยู่ ที่สร้างจากมนุษย์ที่มีศีลธรรมอันยอด ก้อจะไม่มีสารพิษ เหรอความไม่มีความไม่ตั้งใจจากความเห็นแก่ได้เลย พูดง่ายๆ เลย บริการใด ๆ ที่เราเคยได้ก้อจะเปลี่ยนไปเป็นบริการที่มาจากใจของแท้เลย แน่ล่ะอาหารจำพวกเนื้อคงไม่มี เพราะไม่มีการฆ่าสัตว์เพื่อเอาเนื้อ เปลี่ยนเป็นมังสวิรัติแทน แน่นอนล่ะเมื่อคนทุกคนมีศีลธรรมดี การฆ่า การแค้นเคือง ความอิจฉาริษยา น้อยลง สภาพสังคม สภาพจิตใจ สถาพร่างกายของเราก้อดีขึ้นไปเรื่อย ๆ ทีล่ะน้อย อายุเฉลี่ยของคนเราก้อมากขึ้นทีล่ะน้อย ทีล่ะน้อย ขึ้น แต่ถ้าคุณมองกลับกัน ไม่ต้องมองไกล มองตอนนี้ล่ะ สภาพสังคม สภาพสินค้าบริการต่าง ๆ ที่คุณใช้อยุ่ทุกวันนี้ ลองคิดดูสิว่า คนเรามีอายุเฉลี่ยที่น้อยลงไปเรื่อย ๆ จากเมื่อ 2 พันปีก่อน คนมีอายุเฉลี่ยที่ ประมาณ 100 ปี แต่ตอนนี้เหลือแค่ 70 -80 ปีเท่านั้น เผลอๆ ไม่ถึงด้วยครับ เพิ่มเติมให้อีกนิดหนึ่งว่า เท่าที่อ่านมา มนูษย์ยุคเราไม่ใช่ยุคแรกบนประวัติศาสตร์โลกที่อารยธรรม แต่มันผ่านมาแล้ว 3 ครั้ง ไม่ใช่ว่าแค่พัน เหรอ หมื่นที่ผ่านมา แต่ผมว่าน่าจะเป็นล้านปีก่อนเลยล่ะ ข่าวที่ผมพึ่งได้ยินมา ที่อินเดียค้นพบโครงกระดูกของมนุษย์มีขนาดใหญ่มาก ๆ ไม่รู้ว่าจะจริงแค่ไหน แล้วผมเคยเห็นภาพของโครงกระดูกของมนุษย์ที่มีขนาดใหญ่ ๆ มากด้วย แต่ก้อไม่รู้ว่าจริงไหม ถ้าจริงก้อตรงตามในคัมภีที่กล่าวว่าในโลกนี้นั้นมีพระพุทธเจ้าอุบัติมาแล้ว 3 พระองค์ และมนุษย์ก่อนหน้านี้นั้นอายุยืนยาว และมีร่างกายที่ใหญ่มาก คงไล่ ๆ กับไดโนเสาร์เลยล่ะ ไม่แปลกที่อยู่กับไดโนเสาร์ได้ อันนี้ถ้าสนใจก้อลองศึกษาเพิ่มเติมเองได้ครับ ในกูเกิ้ลนี่ล่ะ แต่ยังไง ๆ สิ่งที่สำคัญทีสุดในพระพุทธศาสนาคือ การขจัด กิเลสให้สิ้นไป ด้วยแนวทางของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันที่เราเคารพอยู่นั้นล่ะครับ
|
ผู้แสดงความคิดเห็น ธรรมปพน วันที่ตอบ 2009-05-16 13:00:32 IP : 203.146.148.2 |
ความคิดเห็นที่ 3 (3054300) | |
กัณฑ์พิพัฒน์ สมเจริญ | การอยู่ให้นานเพื่อฝึกจิตฝึกกสิณให้สำเร็จเพื่อจะได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ตกทุกได้ยาก และขาดความรู้เรื่องธรรมะ จัดระบบผู้ทุกข์ยากให้อยู่ดีกินดีมีความรู้ไม่ทำลายสภาพแวดล้อม ไม่ทำลายสังคมเพราะกิเลสคิดว่าจะสามารถอยู่ได้นานขนาดไหน ถ้าผมรับประทานเฉพาะผลไม้ที่ไม่สร้างไขมันสะสมในร่างกาย และออกกำลังเพื่อเผาผลาญไขมันที่สะสม อยู่ตามร่างกาย และรับประทานวิตามินเสริมที่จำเป็นสำหรับร่างกาย โดยทำอย่างนี้ไม่หยุดสามารถจะอยู่ ได้นานขนาดไหน |
ผู้แสดงความคิดเห็น กัณฑ์พิพัฒน์ สมเจริญ (kanphiphat-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2009-07-30 16:49:21 IP : 113.53.29.183 |
ความคิดเห็นที่ 4 (3220780) | |
พุทธสาวิกา |
เพิ่งมีโอกาสเข้ามาคุย..ขออธิบายพอให้เข้าใจหลัก คำสอนของพระพุทธเจ้า(ธรรมะ)บางส่วนเพิ่มเติมนะคะ..การเกิดและการมีชีวิตอยู่ ยาว/ สั้น แค่ไหนของคนเราแต่ละครั้งของการเกิด ต้องมีปัจจัยอื่นๆประกอบอีกนอกจากการมีจิตที่ฝึกอย่างมีพลัง เช่นกสิณ /มโนมยิทธิฯ นั่นก็คือการกระทำ(กรรม)ที่เราเคยทำสั่งสมมาทุกการเกิดทั้งดี/เลว บาป/บุญ ซึ่งเราจำไม่ได้ (มีบางคนเท่านั้นที่ระลึกชาติได้แต่ก็แค่ไม่กี่ชาติ.).กรรมนี่ละที่เป็นเงื่อนไขอีกส่วนหนึ่งที่ทำไห้เราไปเกิด ที่ใด อย่างไร กับใคร เมื่อไรและต้องทำอะไร เป็นอไรในการเกิดนั้นๆฯ ต้องไปหาอ่านในหนังสือหลักกรรมและการเวียนว่าย ตายเกิดของอ.วศิน อินทสระ หรือหนัสือเกี่ยวกับ กฏแห่งกรรม อื่นๆประกอบด้วย..จึงจะเข้าใจว่าการฝึกจิตอย่างเอาจริงเอาจังในชาตินี้จะพอมีทางทำอะไรที่ตั้งใจไว้ สำเร็จหรือไม่ เพียงไร เมื่อไรฯ ข้อสงสัยถัดมาเกี่ยวกับการทานแต่ ผลไม้ ฯแล้วจะอยู่ได้นานแค่ไหน ก็อาศัยข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้น พิจารณาประกอบจะได้คำตอบเองและจะเข้าใจชีวิตเราเอง ดีขึ้นค่ะ.อีกอย่าง.ช้าง ม้า วัว ควาย รับประทานแต่พืช ผัก ผลไม้ ทำงานหนักทั้งวัน เขาเหล่านั้นอยู่ได้นานแค่ไหนกัน..นี่คืออีกคำตอบค่ะ..ทางที่ดี พระพุทธเจ้าทรงสอนหลักไว้เป็นแก่นธรรมคือ การให้ทาน เพื่อการลด ละจากการที่อยากได้อยู่เรื่อย จึงทรงสอนให้รู้จักการสละออก หรือการให้(ทาน)นั่นเอง/ .. รักษาศีล เพื่อการคิด พูด ทำ ไม่พลาด/.. เจริญภาวนา เพื่อให้จิตสงบเย็น เกิดความมั่นคงในการดำรงชีวิตอย่างไม่กระเทือนต่อเหตุที่มากระทบจะเกิดปัญญาไว้พึ่งตนเองได้ เป็นที่พึ่งของคนอื่นได้ เพราะปัญญาคือคำตอบที่มีอยู่จริงแต่ต้องฝึกวิปัสสนากรรมฐาน จึงจะพบวิธีพิจารณาเหตุ(โจทย์ที่มากระทบ)จนเกิดปัญญา(คำตอบที่มีอยู่จริง)ได้วิธีเดียวเท่านั้นค่ะ/ วันนี้วิสาขบูชา พอดี ขออนุโมทนาบุญกับท่านที่กำลังปฏิบัติตามหลักธรรมของพระพุทธเจ้าอย่างไม่เบี่ยงเบน หมดจด เอาจริงทุกท่าน..บุญรักษาค่ะ |
ผู้แสดงความคิดเห็น พุทธสาวิกา วันที่ตอบ 2010-05-28 11:22:16 IP : 125.24.247.244 |
ความคิดเห็นที่ 5 (3220782) | |
พุทธสาวิกา |
เพิ่งมีโอกาสเข้ามาคุย..ขออธิบายพอให้เข้าใจหลัก คำสอนของพระพุทธเจ้า(ธรรมะ)บางส่วนเพิ่มเติมนะคะ..การเกิดและการมีชีวิตอยู่ ยาว/ สั้น แค่ไหนของคนเราแต่ละครั้งของการเกิด ต้องมีปัจจัยอื่นๆประกอบอีกนอกจากการมีจิตที่ฝึกอย่างมีพลัง เช่นกสิณ /มโนมยิทธิฯ นั่นก็คือการกระทำ(กรรม)ที่เราเคยทำสั่งสมมาทุกการเกิดทั้งดี/เลว บาป/บุญ ซึ่งเราจำไม่ได้ (มีบางคนเท่านั้นที่ระลึกชาติได้แต่ก็แค่ไม่กี่ชาติ.).กรรมนี่ละที่เป็นเงื่อนไขอีกส่วนหนึ่งที่ทำไห้เราไปเกิด ที่ใด อย่างไร กับใคร เมื่อไรและต้องทำอะไร เป็นอะไรในการเกิดนั้นๆฯ ต้องไปหาอ่านในหนังสือหลักกรรมและการเวียนว่าย ตายเกิดของอ.วศิน อินทสระ หรือหนังสือเกี่ยวกับ กฏแห่งกรรม อื่นๆประกอบด้วย..จึงจะเข้าใจว่าการฝึกจิตอย่างเอาจริงเอาจังในชาตินี้จะพอมีทางทำอะไรที่ตั้งใจไว้ สำเร็จหรือไม่ เพียงไร เมื่อไรฯ ข้อสงสัยถัดมาเกี่ยวกับการทานแต่ ผลไม้ ฯแล้วจะอยู่ได้นานแค่ไหน ก็อาศัยข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้น พิจารณาประกอบจะได้คำตอบเองและจะเข้าใจชีวิตเราเอง ดีขึ้นค่ะ.อีกอย่าง.ช้าง ม้า วัว ควาย รับประทานแต่พืช ผัก ผลไม้ ทำงานหนักทั้งวัน เขาเหล่านั้นอยู่ได้นานแค่ไหนกัน..นี่คืออีกคำตอบค่ะ..ทางที่ดี พระพุทธเจ้าทรงสอนหลักไว้เป็นแก่นธรรมคือ การให้ทาน เพื่อการลด ละจากการที่อยากได้อยู่เรื่อย จึงทรงสอนให้รู้จักการสละออก หรือการให้(ทาน)นั่นเอง/ .. รักษาศีล เพื่อการคิด พูด ทำ ไม่พลาด/.. เจริญภาวนา เพื่อให้จิตสงบเย็น เกิดความมั่นคงในการดำรงชีวิตอย่างไม่กระเทือนต่อเหตุที่มากระทบจะเกิดปัญญาไว้พึ่งตนเองได้ เป็นที่พึ่งของคนอื่นได้ เพราะปัญญาคือคำตอบที่มีอยู่จริงแต่ต้องฝึกวิปัสสนากรรมฐาน จึงจะพบวิธีพิจารณาเหตุ(โจทย์ที่มากระทบ)จนเกิดปัญญา(คำตอบที่มีอยู่จริง)ได้วิธีเดียวเท่านั้นค่ะ/ วันนี้วิสาขบูชา พอดี ขออนุโมทนาบุญกับท่านที่กำลังปฏิบัติตามหลักธรรมของพระพุทธเจ้าอย่างไม่เบี่ยงเบน หมดจด เอาจริงทุกท่าน..บุญรักษาค่ะ |
ผู้แสดงความคิดเห็น พุทธสาวิกา วันที่ตอบ 2010-05-28 11:30:09 IP : 125.24.247.244 |
ความคิดเห็นที่ 6 (3223243) | |
หมาเน่า | ช่วยบอกหน่อย
กรูดูกของพระพุทธเจ้าอยู่ไหนในประเทศไทยน๊า
ขอด่วนเลยคร๊าบ
ขอบคุนฮะ |
ผู้แสดงความคิดเห็น หมาเน่า วันที่ตอบ 2010-06-07 18:39:11 IP : 124.122.233.224 |
ความคิดเห็นที่ 7 (3237964) | |
1 | ที่รู้มานะครูบอกเลยแหละ ก็พอเวลาผ่านไปนานๆๆคนก้อเริ่มทำบาปโดยการฆ่าสัตว์ สัตว์มันก้อเลยไปเกิดเป็นคนแล้วมันก้อแก้แค้นกันยุเรื่อยๆๆ
คนยุคนี้เลยตายเร็ว |
ผู้แสดงความคิดเห็น 1 วันที่ตอบ 2010-08-13 21:14:58 IP : 124.122.176.9 |
ความคิดเห็นที่ 8 (3257140) | |
โอ๋ วิออส | พระพุทธเจ้ามีกมากมายกว่าเม็ดทรายในมหาสมุทธ สุดที่จะนับได้ฉันใด ก็ฉันนั้น แต่คำสอนของแต่ละพระองค์ สอนเหมือนกันหลักคือ ความพ้นทุกข์นั่นเอง |
ผู้แสดงความคิดเห็น โอ๋ วิออส วันที่ตอบ 2010-10-16 20:49:34 IP : 118.172.143.97 |
ความคิดเห็นที่ 9 (3263818) | |
อวตาร | ใครว่าเล่าครับถ้าเราลองพิจารณาดูดีๆทุกตัวเหมือนตัวละครไม่ว่าจะเป็นเทวดา มนุษย์ หรือสัตว์นรก จักต้องเวียนว่ายตายเกิดตามบุญตามกรรม(คาแรกเตอร์) ส่วนพวกที่ไปนิพพานแล้วก็ไม่ต้องมาเกิด(เกมส์โอเวอร์) แล้วสมุติว่าใน1ปีมีพระสงฆ์บรรลุนิพพาน100รูป แล้วประชากรโลกที่เพิ่มมากขึ้นมันมาจากโลกใบไหนกันล่ะครับ แต่ที่แน่ๆมนุษย์ทีมีอายุ 10,000ปีหรือ 100,000ปีไม่ได้เกิดที่โลกนี่หรอกครับเพราะว่ามนุษย์ยุคแรกพึ่งกำเนิดเมื่อ5,000ปีมาแล้วนี่เองแล้วมันก็ตายหมดแล้วด้วย แล้วพอถึงเวลาพระโพธิสัตว์ก็ลงมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆไม่สิ้นสุดจึงทำให้เกิดกฎไตรลัษณ์ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับสูญ ขึ้นมา ใครล่ะครับที่เป็นคนเขียนบทให้พวกคุณต้องเล่น........ |
ผู้แสดงความคิดเห็น อวตาร วันที่ตอบ 2010-11-08 14:21:30 IP : 192.168.0.18 |
ความคิดเห็นที่ 10 (3263819) | |
พระเจ้าจอช | เอาเป็นว่าถ้าคุณตอบผมได้ว่า เกิดขึ้น(ตั้งแต่เมื่อไหร่) ตั้งอยู่ และดับสูญ(สิ้นสุดเมื่อใด)แล้วค่อยมาคุยกับผม |
ผู้แสดงความคิดเห็น พระเจ้าจอช วันที่ตอบ 2010-11-08 14:26:48 IP : 192.168.0.18 |
ความคิดเห็นที่ 11 (3263881) | |
ผู้สร้างไตรโลก | พระพุทธเจ้ามีกีองค์ไม่รู้แหละแต่ที่แน่ๆผมจำได้ว่าท่านเป็นคนสั่งให้ผมเอาต้นงิ้วไปปลูกที่นรกด้วยแหละ |
ผู้แสดงความคิดเห็น ผู้สร้างไตรโลก วันที่ตอบ 2010-11-08 21:19:04 IP : 110.164.47.57 |
ความคิดเห็นที่ 12 (3263882) | |
คนบ้า | ถ้างั้นผมก็เป็นคนจุดเตาไฟใต้กะทะทองแดงน่ะสิ |
ผู้แสดงความคิดเห็น คนบ้า วันที่ตอบ 2010-11-08 21:22:14 IP : 110.164.47.57 |
ความคิดเห็นที่ 13 (3263971) | |
ไอน์สไตน์ | แต่ผมคิดว่าเหมือนการทดลองมากกว่า ลองคิดดูนะเริ่มจากจักรวาลที่ว่างเปล่า(เหมือนกล่องทดลองหรือห้องทดลอง)แล้วมีคนปล่อยมวลสาร สสาร และธาตุอะไรต่อมิอะไรเยอะแยะเข้ามา แล้วธาตุพวกนั้นก็ก่อตัวกันขึ้นเป็นดวงดาว(เกิดก่อนซูเปอร์โนว่าหรือบิ๊กแบงอีกนะเนียะ) และยังกำหนกโลกขึ้นมาอีกมิติหนึ่งคือโลกของวิญาณ ดาวที่วิวัฒนาการจนมีธาตุออกซิเจน ไนโตรเจน หรือธาตุน้ำ จนมีอุณหภูมิพอเหมาะที่จะกำเนิดสื่งมีชีวิต ในขณะเดียวกันก็มีพวกอภัสพรหมลอยผ่านมา(มาจากไหนก็ไม่รู้) และลงมาสิงสู่สิ่งมีชีวิตบนดาว เริ่มจากเป็นแบคทีเรียก่อนเลย แล้วค่อยวิวัฒนาการทีละขั้นจนเป็นไรน้ำ หรือสัตว์น้ำ ต่อจากนั้นสัตว์ที่อยู่ในน้ำก็ค่อยๆมาอาศัยอยู่บนบก(มันคงเบื่อชีวิตในน้ำมั้ง) นี่แหละคือจุดเริ่มต้นของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม พอละสังขารกายเนื้อหมดอายุขัยวิญาๆณมันก็ลอยออกจากร่าง ไปอยู่อีกมิติหนึ่งหรือที่เรียกว่านรกสววรค์ชีวิตในนั้นก็คงมีวิวัฒนาการเช่นกัน ดังความเห็นที่11หรือ12 เชื่อหรือว่าอยู่ๆจะมีต้นงิ้วหรือมีกระทะทองแดงขึ้นมาได้เองน่ะ แล้วเมื่อใดการทดลองจะจบเสียทีเล่าครับ พวกเราทุกข์ทรมานมากรู้มั้ย กับการที่ต้องเวียนว่ายตายเกิดแบบนี้น่ะ............ |
ผู้แสดงความคิดเห็น ไอน์สไตน์ วันที่ตอบ 2010-11-09 12:34:08 IP : 192.168.0.10 |
ความคิดเห็นที่ 14 (3263975) | |
กาลิเลโอ | ไม่จริงหรอกครับที่ว่าอินเดียพบโครงกระดูกที่ใหญ่ และที่น่าแปลกก็คือทำไมมีแต่อินเดียที่พบ ตรงข้ามกับกระดูกไดโนเสาร์ที่ค้นพบกันทั่วโลก มนุษย์ตนนั้นต้องโชคร้ายมากที่เกิดมาเพียงตนเดียวเพื่อสู้กับไดโนเสาร์เป็นล้านๆตัวน่ะ... |
ผู้แสดงความคิดเห็น กาลิเลโอ วันที่ตอบ 2010-11-09 12:53:01 IP : 192.168.0.10 |
ความคิดเห็นที่ 15 (3263977) | |
ฟาราเดย์ | ความเจริญของเทคโนโลยีไงครับที่ทำให้มนุษย์อายุสั้น เรามีวัตถุให้ยึดติดมากเกินไป ที่รบราฆ่าฟันกันก็เพราะอำนาจและเงินเพราะเงินซื้อได้ทุกอย่าง ผักมีสารพิษก็เกิดจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีมีการผลิตสารเคมีเพื่อฆ่าหญ้าหรือแมลง ควันพิษก็เกิดจากเทคโนโลยีรถยนต์ ถ้าหันไปขี่วัวขี่ม้าเหมือนแต่ก่อนคิดหรือว่าจะมีควันพิษพวกนี้น่ะ อยากได้มือถือรุ่นใหม่ก็ไปขายตัวเอาโรคมาด้วย แบบนี้จะไม่ให้อายุสั้นได้ยังไงล่ะครับ มนุษย์ที่มีอายุแสนปีหรือหมื่นปีไม่มีทางเกิดบนโลกใบนี้แน่นอนครับ และโลกใบนั้นจะต้องไม่มีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าด้วย ฟันธง |
ผู้แสดงความคิดเห็น ฟาราเดย์ วันที่ตอบ 2010-11-09 13:07:36 IP : 192.168.0.10 |
ความคิดเห็นที่ 16 (3265272) | |
PJ | ตอบคุณ พระเจ้าจอช ความเห็นที่ 10 คงหาคนที่อยู่รอดจากยุคนั้นมาบอกคงไม่มีแล้วแหละว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เอาเป็นว่าลองอ่านนี้ดูแล้วกันว่ายาวนานแค่ไหน อายุของโลกนับตั้งแต่เริ่มเข้าสู่ช่วงการดับสลาย แล้วค่อยๆวิวัฒนาการขึ้นใหม่ จนเจริญเต็มที่ ก่อนเข้าสู่ช่วงดับสลายใหม่ เป็นช่วงเวลาที่เรียกว่า 1 มหากัปป์ (มีอยู่ 4 อสงไขยกัปป์) จะวนอยู่อย่างนี้ไม่มีวันจบ ดังนี้ วิธีอุปมา ให้รู้ว่า1 อสงไขยกัปป์ ยาวนานแค่ไหนคือ |
ผู้แสดงความคิดเห็น PJ วันที่ตอบ 2010-11-17 01:01:14 IP : 110.164.153.200 |
ความคิดเห็นที่ 17 (3273017) | |
นิวตัน | ผมเห็นด้วยกับความเห็นที่ 15 ครับ |
ผู้แสดงความคิดเห็น นิวตัน วันที่ตอบ 2011-01-04 17:05:32 IP : 124.121.5.125 |
ความคิดเห็นที่ 18 (3299491) | |
พยนตร์ เขียวมรกต | ผมอยากให้ทุกท่านคิดแบบนี้ครับ คือ อย่าเพิ่งเชื่อ และอย่าเพิ่งไม่เชื่อ ให้อยู่ตรงกลางไว้ ถ้าเราอยากรู้เราต้องฝึกฝนให้รู้เหมือนที่พระพุทธเจ้าบอก ไว้ แต่ถ้าเราไม่ฝึกตัวเองอย่าเพิ่งคิดอะไรเลยครับ ต้องขอโทษด้วยครับที่ข้อความของผม ไม่มีสาระสำคัญอะไร |
ผู้แสดงความคิดเห็น พยนตร์ เขียวมรกต วันที่ตอบ 2011-07-07 22:17:02 IP : 110.168.146.21 |
ความคิดเห็นที่ 19 (3318306) | |
dunk55 | พระพุทธเจ้ามีกี่พระองค์ |
ผู้แสดงความคิดเห็น dunk55 วันที่ตอบ 2011-12-10 13:12:04 IP : 182.53.185.163 |
ความคิดเห็นที่ 20 (3319227) | |
เซนเรซิก | เรื่องเล่านี้เป็นปัจจัตตัง คื่อพึงเห็นด้วยตนเท่านั้นมิอาจให้ผู้ใดทำให้เราเห็นทุกสิ่งที่ปราถนาได้โดยที่ตนไม่ปฏิบัติ |
ผู้แสดงความคิดเห็น เซนเรซิก วันที่ตอบ 2011-12-21 14:12:34 IP : 172.16.1.217 |
ความคิดเห็นที่ 21 (3328647) | |
Punya | ไม่เห็นต้องมานั่งเถียงกันเลยครับ อยากรู้ว่าที่คำภีร์ว่าไว้ จริงหรือไม่... ก็แค่ทำตามที่พุทธเจ้าบอก แล้วคุณก็จะรู้เองว่า พุทธเจ้ามีจริงมั้ย และเรื่องในคำภีร์ มั่วหรือไม่ คนเราเป็นอรหันต์แล้วไม่ตายจริงหรือ .........วิธีเดียวที่จะรู้ได้ก็คือ..การบำเพ็ญเพียรตามแบบที่พุทธเจ้าตรัสไว้ ......แล้วจะรู้เอง......... ไม่ใช่มานั่งเถียงกันเหมือนคนโง่อย่างนี้ โดยเฉพาะคนที่ไม่เชื่อแล้วมาด่านั่นแหล่ะยิ่งต้องทำเพื่อหาหลักฐานมาหักล้างสิ่งที่คุณคิดว่างมงาย สำหรับคนที่เชื่อก็ต้องทำเหมือนกันอย่าเชื่อแบบงมงายไร้สมอง ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งการปฏิบัตินะครับ |
ผู้แสดงความคิดเห็น Punya (Punyaburee-at-hotmail-dot-co-dot-uk)วันที่ตอบ 2012-03-23 10:30:41 IP : 58.9.247.9 |
ความคิดเห็นที่ 22 (3331457) | |
งง | เถียงกันทำไม....เอาเวลาไปทำความดีสิ... |
ผู้แสดงความคิดเห็น งง (drum_manman-at-hotmil-dot-com)วันที่ตอบ 2012-04-22 02:17:17 IP : 192.168.185.236 |
ความคิดเห็นที่ 23 (3333054) | |
ผู้โง่เขลา | พระพุทธเจ้ามีเพียงหนึ่งเดียว คือผู้ที่ลุพระโพธิญาณเป็นพระนามที่ใช้เรียกกัน ใครก็ตามที่บำเพ็ญบารมีจนแก่รอบจบเจนกระบวนการก็สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า สำหรับพระพุทธเจ้าองค์แรกนั้นก็คือองค์ปัจจุบัน ส่วนสัตว์ที่บำเพ็ญบารมีจนเป็นพระพุทธเจ้านั้น มากกว่าเม็ดทรายในมหาสมุทร ความชัดเจนและแก่กล้านั้นเป็นไปตามบารมีที่สั่งสม ; สิ่งเหล่านี้อย่าคิดนาน นะครับเพราะอาจจะบ้าได้ ผู้ัโง่เขลา |
ผู้แสดงความคิดเห็น ผู้โง่เขลา (nissansport616-at-gmail-dot-com)วันที่ตอบ 2012-05-10 15:42:04 IP : 49.48.218.244 |
ความคิดเห็นที่ 24 (3333063) | |
ศิษย์พระ | คนยุคพุทธกาลอายุยืนเพราะ คนยุคนั้นไม่มีเครื่องบั่นทอนอายุ คือ อบายมุข ถึงมีก็น้อยมากเพราะส่วนใหญ่ใช้เวลาอยู่กับการใคร่ครวญเกี่ยวกับการหลุดพ้น ปัญญามากอยู่ไกล้บัณฑิต งานในสมัยนั้นใช้แรงมากมากว่าทุ่นแรง ร่างกายจึงแข็งแรงโรคน้อย ยามว่างคนสมัยนั้นส่วนใหญ่จะแลกเปลี่ยนความเห็น ชวนกันทำประโยชน์ หากเทียบกับปัจจุบันห่างไกลกันมาก อบายมุขมาก ว่างๆก็ชวนกันเฮฮาปาร์ตี้ สังเกตุดูว่าวันหยุด ตามสถานบันเทิงคนมหาศาล แต่อยู่วัด หลอมแหลม จะมากก็วัดที่ดึงคนให้หลงทางเช่นปลุกเสกเลขยันต์ตัดเวรตัดกรรมเยอะครับ หาประโยชน์ยากคนชอบไปกัน แต่วัดสอนแสดงธรรม ไม่ค่อยมีใครไปปัจจุบันคนมักเข้าใจว่าบุญคือการให้เงิน วันเวลาเปลี่ยนไป สังคมเปลี่ยนไป เมื่อวัตถุมากขึ้น สภาพจิตใจก็ลดลงตามธรรมดา ปลงซะ |
ผู้แสดงความคิดเห็น ศิษย์พระ (ezabella-dot-2-at-gmail-dot-com)วันที่ตอบ 2012-05-10 16:07:53 IP : 49.48.218.244 |
ความคิดเห็นที่ 25 (3353532) | |
ชาราโปวา | อายดวงอาทตย75000ลานปเอง |
ผู้แสดงความคิดเห็น ชาราโปวา (tawatchai_2510-at-hotmal-dot-co-dot-ch)วันที่ตอบ 2013-02-08 22:10:06 IP : 115.67.131.144 |
ก่อนหน้า1ถัดไป |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
Visitors : 541970 |