|
|
ขอบอกบุญการจัดงานมหากุศลบูชา พระบรมสารีริกธาตุ ที่อิมแพค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 15-23 ธ.ค. 2550 | |
อนุสรณ์ คงชาติ | http://www.thairath.co.th/offline.php?section=hotnews&content=70502 จัดงานมหากุศลบูชา พระบรมสารีริกธาตุ [4 ธ.ค. 50 - 03:55] เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 3 ธ.ค. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร. นางปฎิมา ตันติคมน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทกันตนา ออกาไนเซอร์ แอนด์ เมเนจแมนท์ จำกัด ร่วมกับอาจารย์วรธนัท อัศกุลโกวิท ร่วมกันแถลงข่าวการจัดงานมหาพุทธบูชาพระบรมสารีริกธาตุโลก (World Buddha Relice EXPO) ที่อิมแพค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 15-23 ธ.ค. 2550 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ในฐานะประธานการจัดงานกล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้เป็นการร่วมมือของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและภาคเอกชน มีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อเฉลิมฉลองในปีมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษา และเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมีโอกาสสักการะองค์พระบรมสารีริกธาตุขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าและอัครสาวก นับตั้งแต่พระเศียรจดพระบาทที่ครบองค์สรีระมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาในโลกรวม 8,800 องค์ ประชาชนทุกคนสามารถเข้าชมงานและกราบไหว้ขอพรจากพระบรมสารีริกธาตุได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ส่วนรายได้จากการร่วมทำบุญซื้อดอกไม้ ธูป เทียน ผ้าไตรจีวร ทั้งหมดนำขึ้นทูลเกล้าฯถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อาจารย์วรธนัท อัศกุลโกวิท ที่ปรึกษาการจัดงานกิตติมศักดิ์ กล่าวว่า พระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ จะอัญเชิญมาจากประเทศอินเดีย ทิเบต และนานาประเทศ นับเป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญของโลก ที่ได้มีการรวบรวมสรีระส่วนต่างๆ ของพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ สาวกของพระพุทธเจ้า 48 พระองค์ ได้แก่พระอัญญาโกณทัญญะ พระนาคเสน พระสีวลี พระโมคคัลลานะ พระอานนท์ พระสารีบุตร พระปะคุละ ฯลฯ ประชาชนชาวไทยจะเห็นถึงความอัศจรรย์ของความหลากหลายของพระบรมสารีริกธาตุองค์ต่างๆ มากที่สุดในประวัติการณ์ และหาดูได้ยาก เช่น พระบรมสารีริกธาตุส่วนสมอง แบ่งออกเป็นพระธาตุส่วนของแกนสมอง กลายสภาพคล้ายอัญมณี 8 สี พระธาตุส่วนเนื้อสมอง กลายสภาพเป็นพระธาตุขนาดเล็ก สีขาวเหลือบทองคล้ายมุก รวมทั้งพระธาตุส่วนกะโหลกศีรษะ พระธาตุหัวใจ หลอดเลือด หัวใจ และพระบรมสารีริกธาตุพระโลหิต 6 สี พระธาตุส่วนน้ำเหลือง นอกจากนี้ ภายในงานยังมีองค์พระโพธิสัตว์ กวนอิมพันมือ ที่ทำมาจากไม้กฤษณา ซึ่งเป็นไม้มงคลที่มีกลิ่นหอม สำหรับพระบรมสารีริกธาตุหมายถึงพระธาตุที่เป็นขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นปูชนียธาตุอันทรงคุณค่าอย่างสูงสุดในโลกพุทธศาสนิกชน เกิดจากการถวายพระเพลิงพระสรีระของพระพุทธเจ้า หลังทรงดับขันธ์ ปรินิพพาน โดยพันผ้าและสำลีรอบพระสรีระ 500 ชั้น ก่อนนำขึ้นถวายพระเพลิง ส่วนพระธาตุที่เป็นของพระอรหันตสาวกจะเรียกว่าพระธาตุ หรือพระอรหันตสาวกธาตุ ตามตำนานกล่าวว่า องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเล็งเห็นว่าพระองค์มีเวลาปฏิบัติพุทธกิจเพียง 45 ปี นับว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อน ศาสนาของพระองค์ยังไม่แพร่หลายและหมู่สัตว์ทั้งหลายเกิดมา ไม่ทันสมัยพระองค์มีมากนัก หากได้อัฐธาตุของพระองค์ ไปอุปัฏฐากบูชาจะได้บุญกุศลเป็นมาก ทรงอธิษฐานให้ พระบรมสารีริกธาตุของพระองค์แตกย่อยออกเป็น 3 สัณฐาน ยกเว้นธาตุทั้ง 7 ประการคือ กระดูกหน้าผาก 1 (พระนลาฏ) พระเขี้ยวแก้ว 4 และกระดูกไหปลาร้า 2 (พระรากขวัญ) นอกจากนั้น ให้กระจายไปทั่วทุกสารทิศเพื่อยังประโยชน์แก่หมู่สัตว์โลกต่อไป
|
ผู้ตั้งกระทู้ อนุสรณ์ คงชาติ :: วันที่ลงประกาศ 2007-12-12 18:20:13 IP : 203.170.231.232 |
ก่อนหน้า1ถัดไป |
ความคิดเห็นที่ 1 (1296029) | |
อนุสรณ์ คงชาติ | ขออนุโมทนากับทุกท่าน ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ |
ผู้แสดงความคิดเห็น อนุสรณ์ คงชาติ วันที่ตอบ 2007-12-12 18:22:45 IP : 203.170.231.232 |
ความคิดเห็นที่ 2 (1297023) | |
ครรชิต | ขออนุโมทนาด้วยครับ |
ผู้แสดงความคิดเห็น ครรชิต วันที่ตอบ 2007-12-13 16:52:42 IP : 203.144.220.242 |
ความคิดเห็นที่ 3 (1297853) | ||||
ศุภชัย เตชะวงศ์ไพโรจน์ (เว็บมาสเตอร์) | วันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10870 มหาพุทธบูชา พระบรมสารีริกธาตุ ครบองค์สรีระ ครั้งแรกของโลก โดย สกุณา ประยูรศุข คำทำนายนี้ทำให้หลายองค์กร หลายหน่วยงาน คิดแก้ไขผ่อนหนักให้เป็นเบา สร้างความสมานฉันท์สามัคคีเพื่อหาทางดับเหตุร้ายตามคำทำนายที่มี กรมพัฒนาชุมชน, การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) ไทยเบฟเวอเรจ, การบินไทย, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ธ.ก.ส. ฯลฯ ก็เช่นกัน ได้ร่วมจัดงาน "มหาพุทธบูชาพระบรมสารีริกธาตุโลก" หรือ World Buddha Relics Expo ขึ้น ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของโลกที่ครบองค์สรีระที่สุดขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอัครสาวก โดยมี "อาจารย์วรธนัท อัศกุลโกวิท" อาจารย์ชื่อดังด้านฮวงจุ้ย ปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับพุทธประวัติ เคยเดินทางไปศึกษาหาความรู้จากประเทศทิเบต จีน อินเดีย พม่า มอญ เขมร รวมถึงเรื่องราวของพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุมาเกือบ 50 ปี ในฐานะที่ปรึกษาการจัดงาน เป็นผู้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุครั้งนี้มาจากประเทศทิเบตและอินเดีย รวม 100,000 องค์ อาจารย์วรธนัท บอกเล่าถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานยิ่งใหญ่ระดับโลกครั้งนี้ ว่า ประการที่หนึ่ง-เพราะเป็นปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงจัดงานนี้เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ประการที่สอง-เนื่องจากปีหน้าสถานการณ์บ้านเมืองไม่ดีขึ้น จึงจัดงานเพื่อช่วยเหลือให้คนพ้นทุกข์พ้นร้อน "ในปีหน้า 2551 ที่จะมาถึงนี้ เป็นปีที่มีปัญหาและมีความยุ่งยากเกิดขึ้นอย่างรุนแรงกับคนทุกหมู่เหล่าไปตลอดทั้งปี เป็นการยากลำบากและทุกข์อย่างมากที่จะผ่านพ้นห้วงเวลานี้ไปได้ จึงหารือกับบรรดาครูบาอาจารย์ แก้ไขความทุกข์ยากที่จะเกิดขึ้นนี้ คือการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอรหันตสาวกออกมาให้ประชาชนกราบนมัสการ.." อาจารย์วรธนัทกล่าว พร้อมกับอธิบายเพิ่มเติม ว่า "ปกติแล้วสิ่งที่ไม่ดีมันจะกระจายกันอยู่ตามทิศต่างๆ ในแต่ละปี จะกระจายใน 3-4 ทิศ แต่ปีหน้ามันจะรวมอยู่ 2 ทิศ คือ ทิศเหนือ กับ ทิศใต้ แล้วดาวที่ไม่ดีรองลงไปก็ยังไปอยู่ที่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ไปครอบครองพื้นที่ของคนที่จะมาเป็นผู้ปกครอง เป็นดาวอิทธิพล หมายความว่าจะทะเลาะตีกัน และดาวที่ไม่ดีอีกตัวจะไปครอบครองพื้นที่ทิศตะวันตก ซึ่งหมายถึงบริวาร ลูกน้อง จะยุแหย่ ยุยง ให้เกิดการตีกัน.. ..ฉะนั้น เมื่อเป็นอย่างนี้ประเทศก็เดือดร้อน และยังในด้านอื่นๆ อีก เช่นภัยธรรมชาติ ที่สำคัญที่สุดคือด้านการเงิน ปีหน้าจะแย่มาก..แล้วจะเป็นกันหมดทั่วโลก.." "การนำพระบรมสารีริกธาตุ-พระธาตุ ออกมาให้คนกราบไหว้บูชาจะเป็นการช่วยให้คนดีขึ้น ให้สถานการณ์ดีขึ้น เช่นเดียวกับที่เวลาเกิดทุกขภัยในครั้งพุทธกาล จะมีการอาราธนาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปสวดมนต์ นี่เป็นลักษณะเดียวกัน แต่ในทางฮวงจุ้ยถือว่านี่คือพลังยิ่งใหญ่.." ดังนั้น งาน "มหาพุทธบูชาพระบรมสารีริกธาตุโลก" จึงเป็นการจัดงานครั้งแรกของโลกที่ครบองค์สรีระที่สุดของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและอัครสาวก ทั้งนี้ เพื่อให้คนไทยมีโอกาสกราบไหว้สักการะเป็นมงคลแก่ชีวิตและครอบครัว ต้อนรับปีหนู งานดังกล่าวจัดขึ้น 9 วัน ระหว่างวันที่ 15-23 ธันวาคม 2550 ที่ฮอลล์ 9 อิมแพค เมืองทองธานี ประชาชนทุกคนสามารถเข้าชมงาน และกราบไหว้ขอพรจากพระบรมสารีริกธาตุได้โดยไม่เสียค่าเข้าชม "พระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุที่จะอัญเชิญมาครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเดินทางมาจากนานาประเทศ เพื่อนำมาประดิษฐานที่อิมแพค เมืองทองธานี นับเป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญของโลกที่มีการรวบรวมองค์สรีระส่วนต่างๆ ของพระพุทธเจ้า และพระอรหันต์สาวกของพระพุทธเจ้าใน 48 พระองค์ มาไว้ในที่เดียวกัน พระอรหันตธาตุที่นำมาเป็นของ อาทิ พระอัญญาโกณฑัญญะ พระนาคเสน พระสีวลี พระโมคัลลานะ พระอานนท์ พระสาลีบุตร พระปะคุละ เป็นต้น ซึ่งหาดูได้ยากที่สุดจริงๆ" ไม่เฉพาะแต่พระอรหันตธาตุ ของพระอัครสาวกและพระสาวกตามที่อาจารย์เล่าเท่านั้น ที่อัศจรรย์ยิ่งของงานนี้ยังเป็นความหลากหลายของพระบรมสารีริกธาตุองค์ต่างๆ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ไม่อาจหาดูได้จากที่ไหนมาก่อน อาทิ พระบรมสารีริกธาตุส่วนสมอง ซึ่งจะแบ่งออกเป็น พระธาตุส่วนของแกนสมอง ซึ่งได้กลายสภาพคล้ายกับอัญมณี 8 สี (แดง ส้ม เหลือง เขียว/ชมพู ฟ้า คราม ม่วง ทอง) พระธาตุส่วนเนื้อสมอง ซึ่งจะกลายสภาพเป็นพระธาตุขนาดเล็กที่มีสีขาวเหลือบทอง คล้ายไข่มุก รวมถึงพระธาตุส่วนกะโหลกศีรษะ, พระธาตุหัวใจ-หลอดเลือดหัวใจ รวมถึงพระบรมสารีริกธาตุพระโลหิต 6 สี (สีดำ แดง เขียว ส้ม เหลือง ขาว), พระธาตุส่วนน้ำเหลือง นอกจากนี้ ภายในงานยังมีองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมพันมือ ที่ทำมาจากไม้กฤษณา ซึ่งเป็นไม้มงคลมีกลิ่นหอม อายุกว่า 2,000 ปี ให้กราบไหว้บูชาอีกด้วย ปฏิมา ตันติคมน์ กรรมการผู้จัดการบริษัท กันตนา ออกาไนเซอร์ แอนด์ เมเนจเมนท์ จำกัด กล่าวว่า กิจกรรมภายในงานครั้งนี้แบ่งออกเป็น 4 โซน บนพื้นที่กว่า 5,000 ตร.ม. ประกอบด้วยโซนที่ 1 เป็นลานโล่งออกแบบด้วยลวดลายวิจิตรพุทธโบราณ เป็นจุดต้อนรับ ที่เตรียมเครื่องสักการะบูชาไว้พร้อมสำหรับผู้เข้าชมงานที่ต้องการนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ และพระโพธิสัตว์กวนอิมพันมือ โซนที่ 2 เป็นโซนนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับความเป็นมาของพระบรมสารีริกธาตุ ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ระบบคอมพิวเตอร์ที่ผู้ชมสามารถเลือกค้นรายละเอียดข้อมูลของพระบรมสารีริกธาตุส่วนต่างๆ ได้ตามต้องการ โซนที่ 3 เป็นส่วนจัดแสดงพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุมากถึง 100,000 องค์ ในบรรยากาศราวกับย้อนเวลาไปเมื่อสมัยพุทธกาล ณ เมืองกุสินารา ขึ้น15 ค่ำ เดือน 6 เวลาที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน และทรงมีพระปณิธานจะละไว้ซึ่ง "สรีระ" เพื่อให้สาธุชนได้กราบไหว้บูชา และระลึกถึงพระพุทธคุณ รวมทั้งพระธรรม คำสั่งสอนของพระองค์อย่างใกล้ชิด
| |||
ผู้แสดงความคิดเห็น ศุภชัย เตชะวงศ์ไพโรจน์ (เว็บมาสเตอร์) วันที่ตอบ 2007-12-14 08:38:05 IP : 58.8.252.153 |
ความคิดเห็นที่ 4 (1297856) | |
ศุภชัย เตชะวงศ์ไพโรจน์ (เว็บมาสเตอร์) | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ศุภชัย เตชะวงศ์ไพโรจน์ (เว็บมาสเตอร์) วันที่ตอบ 2007-12-14 08:40:34 IP : 58.8.252.153 |
ความคิดเห็นที่ 5 (1310023) | |
นักรบเมืองบาดาล | สาธุ โมทนาบุญ |
ผู้แสดงความคิดเห็น นักรบเมืองบาดาล วันที่ตอบ 2007-12-23 19:29:40 IP : 125.24.218.68 |
ความคิดเห็นที่ 6 (1320327) | |
ศิษย์ธรรม | การบูชาพระบรมสารีริกธาตุก็เพื่อเป็นการระลึกถึงพระบรมศาสดา เพื่อความศรัทธาเลื่อมใสต่อพระองค์ ถ้าบูชาแล้วหวังให้ท่านช่วยดลบันดาลอะไรให้แล้วก็จะเป็นไสยศาสตร์ไป คือ ศาสตร์ของผู้ที่หลับ ดังนั้นต้องบูชาด้วยความเข้าใจอย่างแท้จริงจึงจะเป็นพุทธศาสตร์ คือศาสตร์ของที่ตื่นแล้ว |
ผู้แสดงความคิดเห็น ศิษย์ธรรม วันที่ตอบ 2008-01-03 16:10:59 IP : 118.175.62.67 |
ก่อนหน้า1ถัดไป |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
Visitors : 542236 |