สองเงาในมองโกเลีย ตอนที่๑
เสียงชัตเตอร์ดัง “แช๊ะ แช๊ะ” ของกล้อง CANON 350D เป็นเสียงที่คุ้นหูคุ้นเคยผมมาซึ่งโดยปกติแล้วผมจะเป็นคนใช้กล้องรุ่นนี้ถ่ายบุคคลอื่นเสมอ แต่ครั้งนี้ตากล้องจำเป็นก็น้องชายของผมนี่แหละเป็นคนเล็งโฟกัสถ่ายภาพผมกับเพื่อนๆอย่างสนุกมือในวันที่พิเศษอีกวันหนึ่งของผม แฮะ แฮะ ก็วันที่พิเศษในวันนั้นคือวันซ้อมรับปริญญาที่ผมสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สำหรับความรู้สึกส่วนตัวของผมแล้ว ผมไม่ค่อยตื่นเต้นกับการถ่ายรูปหมู่พิธีจบการศึกษาครั้งนี้ซักเท่าไหร่แม้ 2 ปีที่ศึกษาเล่าเรียนอยู่ที่นี่จะเหนื่อยจนทำให้ผมอยากจะรีบเรียนให้จบก็ตาม
“อ้าว! แล้วงานแบบนี้ ผมจะไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไรเลยหรือ?”
มีสิ ผมตื่นเต้นอยู่แล้ว แต่ตื่นเต้นที่ได้ถ่ายรูปกับสาวๆต่างหาก คือผมเป็นคนที่ชอบอยู่กับปัจจุบันครับ และปัจจุบันของผมในตอนนั้นมีสาวๆมาขอถ่ายรูปด้วย ก็แหมนานๆทีคนหน้าตาไม่ดีอย่างผมจะมีสาวๆสวยๆมารุมถ่ายรูปด้วยย่อมรู้สึกตื่นเต้นเป็นธรรมดา ส่วนความรู้สึกตื่นเต้นที่เรียนจบนั้นผมขอเก็บอารมณ์นั้นไว้สำหรับวันจริงดีกว่า
ผมสังเกตุตัวเองมานานแล้วว่า ถ้าผมเป็นตากล้องถ่ายรูปเองต่อให้ต้องยืนและเดินถ่ายรูปทั้งวัน ผมจะไม่ค่อยรู้สึกเหนื่อยซักเท่าไหร่ แต่พอผมเป็นนายแบบถูกถ่ายภาพเอง กลับรู้สึกเหนื่อยมากๆทั้งๆที่ผมมีหน้าที่ยิ้ม เก๊กหน้าหล่อทำหน้าตาน่ารักให้ขำขำ เท่านั้นเอง เมื่อผมกลับมาถึงบ้านประมาณ 5 โมงเย็น โอ้โห! ผมรู้สึกได้ทันทีเลยว่าความอ่อนล้ามันแผ่ซ่านไปทั่วขาผมจนผมไม่อยากจะขยับตัวไปไหนเลย
สติผมกำลังเลือนลาง ความอ่อนล้ากำลังจะทำให้ผมหลับ แต่แล้วก็มีความคิดบางอย่างแว๊บเข้ามาในหัวผมทันที แว๊บโดยที่ผมเองก็ไม่รู้ว่าอะไรที่ดลจิตดลใจให้คำนึงถึง “เฮ้ย! นี่เรายังไม่ได้ถ่ายรูปในฟอร์มชุดครุยกับโมชที่ชมรมรักษ์พระธาตุเลยนี่หว่า” ผมจึงคว้าโทรศัพท์โทรหาเพื่อนของผมทันที เพื่อนผู้ซึ่งนั่งเรียนข้างๆผมตอน ม.1, เพื่อนที่เคยอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุให้ผมกลับไปบูชาที่บ้าน และเพื่อนที่เคยพาผมไปอัญเชิญพระอรหันตธาตุในป่าแห่งหนึ่ง
“ฮัลโหล โมชเหรอ อยู่บ้านป่ะ”
“อยู่ คร้าบ” (น้ำเสียงสุภาพมาก ไม่รู้จะสุภาพไปทำไม)
“เออ เดี๋ยวจะเอาชุดรับปริญญาไปถ่ายรูปที่ชมรมฯหน่อยว่ะ เดี๋ยวออกไปไหนป่ะ”
“อ้าวด้น เรียนจบแล้วเหรอ เออมาดิ มาดิ วันนี้อยู่บ้าน” (อ้าวนี่ยังไม่รู้อีกเหรอเนี่ยว่าเราเรียนจบแล้ว T_T)
“เออดี ดี งั้นเดี๋ยวไปกินข้าวด้วยกัน ไปกินกับพวกไอ้นัทที่เชียงการีล่าคิทเช่น จำพวกนั้นได้ป่ะ”
“จำได้คร้าบ” (สุภาพอีกแล้ว)
“OK งั้นเดี๋ยวเจอกัน”
ประมาณหกโมงเย็นที่ผมไปถึงบ้านปราโมช ผมโทรหาเพื่อนผมทันที เพื่อจะได้รู้ว่าโมชอยู่ส่วนไหนของบ้านจะได้ไปถูก
“ขึ้นมาเลย ไปเจอที่ห้องพระธาตุเลย เสร็จธุระแล้วเดี๋ยวตามขึ้นไป” โมชพูดทันทีที่ผมโทรหา ผมเปิดประตูเข้ามาที่ห้องพระธาตุ ทุกอย่างดูเงียบเชียบไปหมด วันนี้ไม่มีคนมาแวะเวียนกราบไหว้พระบรมสารีริกธาตุเลย หลังจากที่ผมกราบไหว้เสร็จแล้วผมก็นั่งรอโมชอยู่ในห้องนานแสนนาน นานจนผมเบื่อที่จะนั่งรอแล้ว (ประมาณครึ่งชั่วโมง) ผมจึงออกมาเดินเล่นที่ระเบียงถ่ายรูปเล่นเพื่อฆ่าเวลาไปก่อน ผมถ่ายรูปไปได้ 2-3 แช๊ะ หางตาของผมก็เหลือบเห็นโมชปรากฎกายออกมาจากห้องนอน ผมจึงถามขึ้นทันทีว่า “ทำธุระอะไรนานจัง”
“เพิ่งอาบน้ำเสร็จ” (เป็นคำตอบที่ทำให้ผมถึงบางอ้อเลย)
ปราโมชเป็นที่อาบน้ำนานมาก คนหนึ่งที่ผมรู้จัก อย่างน้อยๆต้องมี 30 นาทีขึ้นไป ผมเคยมีคำถามกับตัวเองครับว่า ผู้ชายที่อาบน้ำนานแสนนานเป็นอย่างน้อย 30 นาทีขึ้นไป พวกเขาทำอะไรกันบ้างใน 30 นาทีนั้น คำถามนี้เป็นคำถามที่ผมไม่เคยถามใครและก็ไม่ได้ถามโมชด้วยว่าทำอะไรถึงได้อาบน้ำนานขนาดนั้น (ส่วนผมใช้เวลาอาบน้ำนานน้อยกว่าโมชนิดหน่อยเอง ใช้เวลา 25 นาที.... หา ทำไมผมถึงได้อาบน้ำนานขนาดนั้นหรือ.... ไม่บอกหรอก 55555)
ผมชวนโมชมาถ่ายรูปในห้องพระธาตุ โดยมีอาสน์หรือฐานรองเจดีย์พระบรมสิกธาตุเป็นฉากหลัง ผมค่อนข้างเชื่อโดยส่วนตัวว่า น้อยคนนักที่จะมาถ่ายรูปชุดรับปริญญากับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวัดหรือโบสถ์ต่างๆ บัณฑิตและมหาบัณฑิตส่วนใหญ่มักจะสนุกกับการถ่ายรูปกับญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงในสถานศึกษามากกว่า ผมจึงรู้สึกโชคดีกว่าคนอื่นที่ได้ถ่ายรูปในสถานที่พิเศษแห่งนี้ และผมก็รู้สึกโชคดีปนอารมณ์งงเมื่อโมชพูดว่า
“ด้นไปมองโกเลียกัน!”
วินาทีที่ผมได้ยินประโยคนี้ ปากของผมก็เร็วกว่าความคิดทันที
“จริงดิ! ไป ไป”
จากนั้นความสงสัย ก็เกิดคำถามขึ้นมาในบัดดล
“เออ... ไปทำอะไรอ่ะ แล้วทำไมพวกเราถึงได้ไป”
โมชจึงอธิบายว่า เมื่อประมาณปีที่แล้วเคยมีพระลามะจากประเทศมองโกเลียมาที่ชมรมฯและขออัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากชมรมฯไปบรรจุไว้ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งในประเทศมองโกเลีย ลามะองค์นี้ได้รับการแต่งตั้งจากประธานธิบดีของมองโกเลียให้เป็นผู้นำการฟื้นฟูพระพุทธศาสนานิกายวชิรยาน และเนื่องจากวันที่ 15-17 กรกฎาคมนี้ ประเทศมองโกเลียมีงานสำคัญของประเทศซึ่งเป็นงานใหญ่มาก ลามะท่านนี้จึงได้เชิญเพื่อนผมเข้าร่วมงานนี้ด้วยเป็นการส่วนตัว
ผมเป็นคนที่ชอบท่องเที่ยวมาก ให้ไปบุกป่าฝ่าดงหรือลำบากแค่ไหนยังไงก็ขอลุย ขอเพียงมีกล้องคู่กายกับสถานที่แปลกใหม่ แม้จะไร้คนคู่ใจ ผมก็ขอลุยเต็มที่อย่างแน่นอน สำหรับโมชแล้วงานนี้ฟรีทุกอย่างทั้งค่ากิน ค่าที่พัก ค่าเดินทางตลอด 8 วัน แม้แต่ค่าตั๋วก็ฟรี แต่สำหรับผมต้องจ่ายค่าตั๋วเอง โมชจึงรีบพูดดักทันทีว่า ถ้างานนี้ผมไม่ไป ตัวโมชเองก็จะไม่ไปเช่นกัน
แหมเพื่อนเลิฟแค่เอ่ยปากชวนไปมองโกเลียกัน เราก็ตัดสินใจว่าไปอยู่แล้ว โอ้โห เที่ยวมองโกเลีย 8วัน ฟรีทุกอย่างยกเว้นค่าตั๋วเครื่องบิน ถ้าไม่เอาก็ไม่ใช่หนอนด้นคนนี้แล้ว
ติดตามสองเงาในมองโกเลียตอนที่ ๒เร็วๆนี้
*****