ReadyPlanet.com
dot dot
dot
บทความพิเศษของกิจกรรมในเดือนกรกฎาคม : สองเงาในมองโกเลียตอนที่๕ article

สองเงาในมองโกเลียตอนที่๕

               รถแท็กซี่พาพวกเราทั้ง 5 คน มาพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาทีจากสนามบิน ผมและโมชรีบช่วยคุณอาเจริญขนสัมภาระต่างๆในท้ายรถเข้าไปที่ล็อบบี้ของโรงแรมทันทีที่รถแท็กซี่จอดหน้าโรงแรม ชาวจีนส่วนใหญ่จะพูดภาษาอังกฤษได้น้อยมากแม้แต่ชาวจีนที่ทำงานในโรงแรมแห่งนี้ก็พูดภาษาอังกฤษได้น้อยเช่นกัน การมาเยือนมองโกเลียรอบนี้ต้องขอบอกก่อนว่าผมและโมชโชคดีมากๆ เพราะคุณอากรรณิการ์และน้องแก้ว (ลูกสาวของคุณกรรณิการ์)สามารถพูดภาษาจีนได้อย่างคล่องแคล่วราวกับเป็นเจ้าของภาษาเลย ถ้าไม่มีคุณอาและน้องแก้วรับรองว่าผมและโมชใบ้กินแน่ๆ ภาษามือที่ไม่เคยเรียนมาก่อนคงต้องงัดมาใช้แหง๋มๆ
                หลังจากผมและโมชอาบน้ำพักผ่อนตามอัธยาศัยเป็นเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เจ้าพุงน้อยของผมและโมชต่างก็ร้อง โคร่กๆ อันเป็นสัญญาณว่าพวกเราหิวแล้วและเนื่องจากเราทั้ง 2 คนพูดภาษาจีนไม่เป็นเลย ดังนั้นคุณอาเจริญ (สามีคุณอากรรณิการ์) จึงพาพวกเราไปกินข้าวในตัวเมือง อ้อ...ผมลืมบอกไปว่าโรงแรมที่พวกผมพักจะอยู่ริมถนนมอเตอร์เวย์ครับไม่ได้อยู่ในเมือง ดังนั้นพวกเราต้องนั่งแท๊กซี่เข้าเมืองกันต่อ รถแท๊กซี่มิเตอร์ที่นี่จะไม่เหมือนบ้านเราครับ ที่เมืองไทยรถแท๊กซี่ราคาเริ่มต้นที่ 35 บาทและคิดเพิ่มตามเวลาที่รถเหยียบเบรกกับระยะทางที่วิ่งซึ่งมีหน่วยเป็นกิโลเมตรใช่ไหมครับ แต่เมืองจีนนั้นผมลองจับเวลาขณะที่รถวิ่งด้วยความเร็ว 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงดู ยังไม่ทันถึงนาทีเลยถูกคิดตังไปแล้ว 1 หยวน ผมแค่ชายตามองวิว 2 ข้างทางไม่ถึง 2 นาทีเลย ถูกคิดตังไปแล้ว 3 หยวน เนื่องจากว่าเส้นทางที่รถคันนี้วิ่งผ่านไม่เจอรถติดเลยผมจึงไม่รู้ว่าถ้ารถจอดนิ่งๆจะเสียตังด้วยรึเปล่า
                รถแท๊กซี่พาพวกผมมาปล่อยที่สถานีรถไฟใต้ดิน DONG ZHI MEN (อ่านว่าตงจื่อเหมิน) มิเตอร์คิดตังพวกผมที่ 38 หยวน พอผมจ่ายเงินปุ๊ปโชเฟอร์ก็จะกดมิเตอร์ให้พริ๊นท์ใบเสร็จออกมา (อืมมีใบเสร็จให้ด้วยเจ๋งดีแฮะ แต่ถ้ามีแผนที่ GPS แบบเกาหลีด้วยจะยิ่งเจ๋งกว่านี้) คุณอากรรณิการ์พาพวกเรานั่งรถไฟใต้ดินจากสถานี DONG ZHI MEN ไปออกสถานี DAI WANG LU และเนื่องจากปีนี้ประเทศจีนเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิก ทางรัฐบาลจีนจึงจัดโปรโมชั่นพิเศษให้นักท่องเที่ยวและประชาชนขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินด้วยราคา 2 หยวนตลอดสาย (ประมาณเก้าบาทกว่าเอง)
                ร้านอาหารจีนที่คุณอากรรณิการ์พาพวกเราไปคลายหิวและดับกระหายคือ ร้าน DIN TAI FENG ครับ (อ่านว่าตินไท่เฟิง) คุณอาบอกว่าร้านนี้เป็นร้านที่ดังมากมีหลายสาขาในเอเชีย ยุโรปและอเมริกา อาหารที่ขึ้นชื่อของร้าน DIN TAI FENG แห่งนี้คือซาลาเปา (MIAN BAO หรือ เมี่ยนเปา) ไส้หมูสับชิ้นเล็กๆขนาดเท่ากับเส้นผ่าศูนย์กลางเท่าเหรียญสิบที่ถูกเสิร์ฟมาพร้อมกับเข่งซาลาเปาร้อนๆ พอเปิดฝาปุ๊ป...โอ้โห ไอน้ำลอยโขมงเลยครับ ซาลาเปาที่นี่ต้องทานตอนร้อนๆเท่านั้น ถ้าหากว่าเราไม่ยอมทานตอนร้อนๆจะมีผู้จัดการร้านเดินมากดดันเพื่อบอกกับลูกค้าว่าต้องกินตอนร้อนๆนะไม่งั้นมีงอน.....ล้อเล่นครับ ทำไมต้องทานตอนร้อนๆเหรอครับ เหตุผลนั้นคุณอากรรณิการ์บอกไว้ว่าซาลาเปาที่นี่ต้องกินตอนร้อนๆเพราะเวลาเคี้ยวซาลาเปาตอนร้อนๆ ไส้หมูสับที่หวานนุ่มละมุ่นลิ้นจะคลายน้ำซุปออกมาเป็นน้ำซุปที่หวานมาก แต่ถ้าปล่อยให้ซาลาเปาเย็นตัวลงน้ำซุปที่อยู่ในใส้หมูสับก็จะระเหยออกมาหมดเลย อีกทั้งซาลาเปาก็จะแข็งตัวด้วย รสชาติก็จะเปลี่ยนไปทันที ส่วนใครที่อยากทานซาลาเปาแบบนี้ ที่เมืองไทยก็มีครับ ที่เชียงการีล่าคิทเช่นและภัตตาคารเชียงการีล่ามีซาลาเปานี้เหมือนกันเวลาเข้าไปทานก็สั่งว่า เอาเซี่ยวหลงเปาที่หนึ่งครับ!”
            ระหว่างทานข้าวพวกผมและคุณอามีโอกาสได้คุยซึ่งกันและกัน จึงทำให้ต่างฝ่ายต่างรู้ว่าทำไมท่านลามะภูริบัดถึงได้รู้จักพวกเราทุกคน (แต่ยกเว้นผมนะ) สำหรับโมชนั้นได้เล่าให้ครอบครัวคุณอาฟังว่าท่านลามะภูริบัดรเคยมาที่ชมรมรักษ์พระบรมธาตุเพื่อขออัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากทางชมรมฯ ไปประดิษฐานณ.สถานที่สำคัญแห่งหนึ่งในประเทศมองโกเลีย และท่านลามะเคยออกปากชวนโมชไว้แล้วว่าจะให้มาร่วมงานสำคัญทางศาสนา (ช่วงวันวิสาขบูชา) แต่ท่านลามะก็มิได้เชิญชวนทั้งโมชและครอบครัวคุณอากรรณิการ์เข้าร่วมงานในช่วงนั้นเพราะที่ประเทศมองโกเลียในช่วงนั้นมีโรคระบาดเกิดขึ้นและอากาศก็หนาวเย็นมาก (โชคดีมากที่เลื่อนนะเนี่ย ไม่งั้นผมคงไม่ได้มาด้วยแล้วเพราะช่วงวันวิสาขบูชาผมกำลังเตรียมตัวสอบคอมพลีเพื่อจบการศึกษาพอดี) ส่วนครอบครับคุณอารู้จักกับท่านลามะเพราะคุณอากรรณิการ์เคยพาท่านลามะหาซื้อผ้าไหมไทยเพื่อนำไปทำภาพทังก้าซึ่งเป็นภาพที่สำคัญภาพหนึ่งเพื่อใช้เฉลิมฉลองงานวันวิสาขบูชาในประเทศมองโกเลีย อีกทั้งคุณอากรรณิการ์ก็เคยมาพบท่านลามะภูริบัดที่ประเทศมองโกเลียมาก่อนแล้ว
                หลังจากอิ่มท้องที่ร้าน DIN TAI FENG กันแล้ว ผมและโมชก็ขอแยกตัวกับครอบครัวคุณอาไปเที่ยวพระราชวังต้องห้าม (Palace Museum หรือ Forbidden City) การเดินทางไปพระราชวังต้องห้ามนั้นสะดวกมาก แค่นั่งรถไฟใต้ดินไปเพียง 5-6 สถานีจากสถานี DAI WANG LU เท่านั้นเองก็จะถึง TIAN’AN MEN EAST STATION แล้ว ก่อนจะเข้าไปถึงพระราชวังต้องห้าม นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องเดินผ่านจัตุรัสเทียนอันเหมินก่อน ซึ่งจะมีรูปประธานเหมาเจ๋อตุงติดไว้หน้าทางเข้าพระราชวัง ที่นี่จะมีทัวร์ของเมืองไทยมาลงค่อนข้างมากโดยไกด์คนไทยจะเดินนำพร้อมโทรโข่งและมีธงชาติไทยขนาดเล็กเสียบไว้ที่หมวกและเดินนำทางพร้อมบรรยายรายะเอียดของสถานที่แห่งนี้ เรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของทัวร์ไทยเลยทีเดียวพราะผมยังไม่เห็นหัวหน้าทัวร์ประเทศอื่นเดินเสียบธงไว้ที่หมวกเหมือนทัวร์บ้านเราครับ แต่วิธีการนี้ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียวเพราะที่นี่มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวเยอะมากๆๆๆแถมสถานที่ก็กว้างมากๆๆๆๆๆๆ วิธีการนี้ช่วยให้ลูกทัวร์สังเกตกลุ่มของตัวเองง่ายขึ้นเพราะถ้าหลงทางกันมีหวังยุ่งแน่ๆ เมื่อผมและโมชเดินผ่านทางเข้ามาปุ๊ป ก็แทบจะละลายปั๊ปเลยทันทีเพราะแดดที่นี่ร้อนมากๆอีกทั้งไม่ค่อยมีร่มเงากำบังแดดเลย
                   
"บริเวณด้านหน้าของพระราชวังต้องห้าม ลานข้างหน้าคือจัตุรัสเทียนอันเหมิน"
                พระราชวังต้องห้ามแห่งนี้มีพระราชวังใหญ่อยู่ 3 หลัง โดยหลังแรกเรียกว่า BAO HE DIAN หลังที่สองเรียกว่า ZHONG HE DIAN และหลังสุดท้ายเรียกว่า TAI HE DIAN โดยหลังสุดท้ายเป็นพระราชวังที่ถูกถ่ายทำภาพยนต์หลายเรื่อง เช่น THE LAST EMPEROR เป็นต้น นักท่องเที่ยวที่ต้องการเข้าไปดูทั้ง 3 วังนี้ต้องเสียค่าเข้าชมคนละ 60 หยวน การซื้อตั๋วที่นี่ต้องมือใครยาวสาวได้สาวเอาครับ เพราะบริเวณที่จำหน่ายตั๋วแห่งนี้จะมีชาวจีนนาย ก นาง ข หนู ค จากที่ไหนก็ไม่รู้มารุมกันแย่งซื้อตั๋วทั้งๆที่มีคนรอคิวแถวยาวเหยียดยืนรอซื้อตั๋วเช่นกัน เมื่อถึงคิวของผมก็จะมีพวกลัดคิวมาแย่งซื้อตั๋วหน้าตาเฉย ผมมองหน้าพวกลัดคิวทุกคนอย่างไม่พอใจ แต่เชื่อไหมครับว่าไม่มีใครสนใจผมเลย จ่ายตังเสร็จก็ไปเลย ผมโดนลัดคิวเยอะมากจนผมทนไม่ได้ต้องแย่งพวกนี้จ่ายเงินถึงจะได้ตั๋วทั้งๆที่พวกผมก็มาตามคิวนะเนี่ย
                โดยความเห็นส่วนตัวของผม ถ้าจะเที่ยวพระราชวังแห่งนี้แบบเก็บทุกรายละเอียดของประวัติศาสตร์ในทุกๆห้องคงต้องใช้เวลา 2 วันเต็มๆถึงจะเก็บหมดทุกรายละเอียด เพราะพระราชวังแห่งนี้กว้างใหญ่มาก ครอบคลุมพื้นที่ 720,000 ตารางเมตรมีอาคารต่างๆ 800 หลังและ มีห้องทั้งหมด 9,999 ห้อง นอกจากตัววังที่สำคัญ 3 หลังนี้แล้ว พระราชวังต้องห้ามแห่งนี้ยังมีสิ่งก่อสร้างสำคัญโดยรอบ เช่น มหาศาลาประชาคม หอพระสมุด สวนและลานกว้างต่างๆ
  
              "จุดที่ต้องซื้อตั๋วเข้าวังนี้คนจะเยอะมาก ต้องแย่งกันซื้อตั๋วด้วยอ่ะ พอเข้ามาข้างในแล้วจากคนเยอะๆกลายเป็นว่าแทบไม่มีคนมาเดินเลยเพราะทุกคนเลือกที่จะเดินด้านริมของวังมากกว่าที่จะเดินบนลานกว้างซึ่งแดดร้อนมากๆ"
                ผมและโมชต่างชอบพระราชวังแห่งนี้ครับ แต่เราสองคนชอบกันคนละแบบ ผมชอบถ่ายรูปกับมุมแปลกๆ และความสวยงามของพระราชวังแห่งนี้ ส่วนโมชชอบดูวัตถุโบราณ และของแปลกๆ ถ้าโมชสนใจไปดูห้องใดก็ตาม เพื่อนผมคนนี้จะไม่เรียกผมเลย พี่แกจะเดินดุ่ยๆคนเดียวเข้าไปเร็วมาก เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่ผมถ่ายรูปครั้งหนึ่งผมจะต้องรีบหันมาเหลียวมองดูว่าโมชเดินไปอยู่ที่ไหนแล้ว เพราะหากเราสองคน คลาดสายตากันแล้วหากันไม่เจอคงไม่สนุกแน่เพราะคนก็เยอะ ทางเดินแต่ละส่วนก็ค่อนข้างคดเคี้ยวด้วย
  
            "แต่ละห้องภายในราชวังแห่งนี้ มีวัตถุโบราณเก็บไว้มากมายครับ อย่างภาพแรกเป็นโต๊ะทำงานของขุนนาง ภาพที่สองเป็นแว่นตาของจักรพรรดิ์องค์สุดท้ายของจีนซึ่งมีพระนามว่าปูยี ภาพที่สามเป็นสมุดบันทึกในสมัยของจักรพรรดิ์ปูยี"
                ผมและโมชใช้เวลาเดินอยู่ในวังประมาณ 4 ชั่วโมง พวกเราเดินชมและถ่ายภาพให้มากที่สุดเท่าที่จะเก็บรายละเอียดสำคัญๆได้ (ผมและโมชเดินดูยังไม่ถึง 30 ห้องเลย ขาก็จะลากอยู่แล้ว) บริเวณทางออกของพระราชวังจะมีสวนขนาดใหญ่อยู่ฝั่งตรงข้ามของพระราชวัง สวนแห่งนี้มีชื่อเรียกว่า JING SHAN PARK ซึ่งมีวัดอยู่บนภูเขาด้วย ผมและโมชคลานขึ้นบนภูเขาแห่งนี้แบบหมดสภาพมากๆเพื่อขึ้นไปไหว้พระในวัดและชมวิวของพระราชวังต้องห้ามที่ถูกรายล้อมด้วยตึกสูงอันทันสมัยต่างๆ ส่วนบริเวณด้านล่างของภูเขา หรือบริเวณสวนด้านล่าง จะมีสวนดอกไม้และวังขนาดเล็กอีก 2-3 หลัง
    
              "ภาพวาดจักรพรรดิ์ในสมัยอดีต กับภาพถ่ายของจักรพรรดิ์ปูยีและโต๊ทำงาน ในพระราชวังแห่งนี้มีสวนที่มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า Imperial Garden เป็นสวนที่ถูกประดับตกแต่งด้วยหินทรงแปลกๆ"
                ผมและโมชเดินดูโดยรอบสวนแห่งนี้เสร็จประมาณ 1 ทุ่มแต่ท้องฟ้าเวลา 1 ทุ่มที่ปักกิ่งยังก่ะ 5 โมงเย็นบ้านเราเลย (พระอาทิตย์ในฤดูร้อนทางซีกโลกเหนือจะตกช้าครับ) ก่อนจะเดินออกจาก JING SHAN PARK ผมนึกอยากจะถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกดินบนภูเขาซักหน่อย จึงคะยั้นคะยอให้โมชขึ้นไปบนภูเขาเป็นเพื่อนผมอีกรอบ แต่งานนี้เพื่อนผมขอปฏิเสธครับ และถ้าเป็นคนอื่นๆก็คงปฏิเสธด้วยเป็นเรื่องธรรมดา เพราะบันไดตั้ง 500 ขั้นคงไม่มีใครอยากจะเดินขึ้นไปอีกรอบแน่ๆ แต่สำหรับผมผู้ชื่นชอบการถ่ายภาพจำต้องยอมคลานขึ้นไปอีกรอบเพื่อเก็บภาพพระอาทิตย์ตกดินซักครั้ง ส่วนโมชเพื่อนผมก็ใช้เวลาว่างระหว่างรอผมได้อย่างมีประโยชน์มาก ท่านผู้อ่านรู้ไหมครับว่าเพื่อนผมจะทำอะไร....ลองเดาดูซิครับ..........เจ้าโมชนอนอีกแล้ว!
 
     
                "บริเวณด้านหลังพระราชวังมีสวนขนาดใหญ่ซึ่งมีวัดอยู่บนภูเขา สวนแห่งนี้ชื่อว่า JING SHAN PARK ขณะที่เดินเล่นในสวนแห่งนี้เผอิญไปเจอแมลงประหลาดเลยถ่ายรูปเก็บมาให้ดูครับ"
  
  
             "บนยอดเขาจะมีวัดอยู่ซึ่งข้างในมีพระพุทธรูปให้กราบไหว้ และด้านหน้าของวัดนี้สามารถมองเห็นพระราชวังต้องห้ามด้วย ณ.จุดนี้มีนักท่องเที่ยวขึ้นมาเยอะมากจึงมีมุมให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปกับชุดสมัยก่อน พอผมเห็นจึงต้องรีบเข้าไปคาราวะทันที ส่วนโมชนอนรอผมถ่ายพระอาทิตย์ตกดินครับ"
 
                พระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า ณ.ยอดเขานั้นไม่ได้มีผมเพียงคนเดียวที่ถ่ายตั้งกล้องถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกดิน นักท่องเที่ยวประเทศอื่นก็มาตั้งกล้องถ่ายภาพที่นี่จำนวนมากเช่นกันซึ่งทุกคนต่างสนุกสนานกับการถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกดิน หลายท่านอาจจะสงสัยว่าแค่ถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกดินมันสนุกสนานอย่างไร อืม...... ถ้าถามในมุมผม ผมคิดว่า การตั้งไวท์บาลานซ์ของกล้อง วัดแสงอันเดอร์ การแพนกล้อง และจัดองค์ประกอบภาพ ล้วนแล้วเป็นการสรรสร้างศิลปะอันเกิดจากผสมผสานระหว่างจินตนาการของสมองซีกขวา และการคำนวณแสงโดยใช้สมองซีกซ้ายจนก่อให้เกิดภาพๆหนึ่งอันน่าประทับใจขึ้นมา..... นี่ผมพูดเว่อร์ไปรึเปล่าเนี่ย?.... เออพูดเว่อร์จริงด้วย งั้นเอาใหม่ผมว่าการถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกดินมันมีเสน่ห์ครับ เพราะพระอาทิตย์ตกดินนั้นสวยครับ คนจึงมักชอบถ่ายภาพสวยๆเก็บไว้.... จริงป่ะ?
                ผมค่อยๆเดินลงมาจากภูเขาอย่างไม่มีเรี่ยวไม่มีแรง หิวก็หิว ขาก็เมื่อย เห็นโมชนอนหลับอยู่บนลานหินแล้วก็รู้สึกอยากจะเอาหลังบางๆไปขนาบกับลานหินบ้างจัง แต่ทำแบบนั้นไม่ได้เพราะเวลาก็ล่วงเลยมากแล้วผมจึงต้องรีบปลุกโมชให้ไปต่อ....ไปไหนหรือครับ.......ไปหาข้าวกิน ผมกับโมชเดินออกจาก JING SHAN PARK ปุ๊ป ผมรู้สึกแปลกใจทันทีว่านี่เราอยู่สวนลุมรึเปล่า เพราะผมเห็นลานด้านหลังของพระราชวังกลายเป็นลานเต้นแอโรบิกไปแล้ว ตอนแรกผมนึกว่ามีเพียงประเทศไทยที่เดียวซะอีกที่มีลานแอโรบิกแดนซ์ให้ประชาชนออกมาเต้นซะอีก ที่ประเทศจีนก็มีเช่นกัน (กบในกะลาจริงๆเรา)
                พวกผมเดินเรียบถนนพระราชวังฝั่งตะวันตกเรื่อยมาเรื่อยๆ เวลาขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ 2 ทุ่มซึ่งพระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า ผมกับโมชเดินได้ประมาณ 30 นาที ก็เจอร้านอาหารตามสั่งร้านแรกเลยตั้งแต่เดินกลับ ด้วยความหิวจัดจึงเลี้ยวเข้าร้านทันทีโดยไม่ขอสังเกตการณ์ร้านอื่นๆว่าน่ากินรึเปล่า ผมและโมชกินมื้อนี้หมดไปประมาณ 38 หยวน มีข้าวผัด 2 จานจานละ 8 หยวนแต่ได้เยอะมาก และสั่งหมูสามชั้นผัดพริกหยวกเป็นกับข้าว 1 อย่าง พริกหยวกที่นี่จะไม่เผ็ดครับ แต่จะกรอบและหวานมันเลยทีเดียวและขนาดก็จะใหญ่กว่าพริกหยวกบ้านเราประมาณ 2 เท่า เพียงแค่ 38 หยวนหรือประมาณ 180 บาทสำหรับ 2 คนก็ทำให้ผมมีพลังเดินต่ออีกครั้ง ผมและโมชตัดสินใจที่จะกลับที่พักกันแล้ว แต่พวกเราต้องกลับไปที่สถานีรถไฟใต้ดิน TIAN’AN MEN EAST STATION ก่อน เพื่อไปออกสถานี DONG ZHI MEN เผอิญว่าหลังร้านอาหารนี้มีถนนที่เดินเรียบกับกำแพงพระราชวังและมีคลองด้วย ผมและโมชจึงลองเดินเส้นทางนั้นดูเพื่อหวังว่าจะมีทางลัดไปออกสถานีรถไฟใต้ดิน TIAN’AN MEN
                พระราชวังนี้มีคลองล้อมวังทั้ง 4 ทิศ นอกจากจะช่วยให้ทัศนียภาพสวยงามขึ้นแล้ว ที่นี่ยังเป็นที่จู๋จี๋ของคู่รักเสียด้วย ตั้งแต่ผมเดินถนนเลียบกำแพงฝั่งตะวันตกผมเห็นคู่รักหลากหลายคู่ ทั้งคู่หนุ่มสาววัยทำงาน คู่เด็กเรียนวัยรุ่น แม้กระทั่งคู่ผู้ใหญ่อายุ 40 ขึ้นนั่งกระหนุงกระหนิงอยู่ริมคลองตลอดเส้นทาง ทั้งนั่งซบไหล่ โอบเอว หนุนตัก จูจุ๊บ ถนนเส้นนี้ทำให้ผมทรมานจิตใจมากเพราะผมเกิดจิตอิจฉาริษยาเสียแล้ว เห็นแล้วก็.....นะ.....เฮ้อ ทำไมเราไม่มีอย่างงี้มั่ง
                ถนนเลียบกำแพงฝั่งตะวันตกนำพวกผมไปออก ณ.จุดที่ขายตั๋วเข้าชมวัง (จุดที่ผมต้องไปแย่งจ่ายตังค่าเข้าชมวังคนละ 60 หยวนครับ) เมื่อมาถึงตรงจุดนี้ผมไม่สามารถกลับเส้นทางเดิมได้เนื่องจากเจ้าหน้าที่ปิดประตูทางเข้าออกแล้ว ดังนั้นผมและโมชต้องเดินออกทางถถนเลียบกำแพงฝั่งตะวันออกแทน เมื่อผมและโมชเดินออกมาจากประตูฝั่งตะวันออกแล้วก็ได้พบสี่แยกไฟแดง ผมถามโมชว่าระหว่างเลี้ยวขวาเพื่อกลับไปที่สถานีรถไฟใต้ดิน กับเดินตรงไปเพื่อเดินเล่นต่อจะเลือกอะไร และคำตอบก็เป็นอย่างที่ผมคิดคือเดินตรงต่อไปไม่รีบกลับโรงแรม แม้ขาจะไม่มีแรงเดินกันแล้วแต่พวกเราก็ยังบ้าดีเดือดตามประสาคนหนุ่มต่อไป โดยที่พวกเราเองก็ไม่รู้ด้วยว่าจะเจอสถานีรถไฟใต้ดินข้างหน้าหรือไม่
                ตลอดการเดินในช่วงครึ่งกิโลเมตรแรกจากเที่ยนอันเหมิน ผมและโมชไม่เจออะไรที่น่าสนใจเลย แต่ครึ่งกิโมเมตรหลังนี่ซิครับพวกผมได้มาเจอ walking street หรือถนนคนเดินซึ่งที่นี่จะมีร้านขายของกินแปลกประหลาดเรียงกันตลอดแนวซึ่งย่านนี้เรียกว่า WANG FU JING โดยแต่ละร้านจะขายเนื้อปิ้งย่าง โดยมีสารพัดสัตว์เลยครับ เช่น เนื้องู ปลาดาว หอยโข่ง หอยประหลาดรูปร่างเหมือนเห็ด เนื้อหมา เขียด กบ หนวดปลาหมึกยักษ์ กั้ง หอยเม่น ตะขาบ แมงป่อง ม้าน้ำ จิ้งหรีด ด้วง และสารพัดแมลงหรือเนื้อสัตว์อีกมากมายที่ผมจำไม่ได้ แม่ค้าแต่ละร้านก็จะเรียกให้นักท่องเที่ยวเข้ามาลองชิม ทุกอย่างราคา 5 หยวน ในคืนนั้นผมและโมชเหลือเงินรวมกันแค่ 50 หยวนซึ่งเราต้องเก็บไว้สำหรับค่ารถแท๊กซี่และรถไฟใต้ดินขากลับ แต่ด้วยความอยากลิ้มลองอะไรแปลกใหม่ของบุรุษผู้ชื่นชอบการกินของประหลาดอย่างเพื่อนผม จึงรีบเข้าไปถามคนขายทันทีว่าจ่ายเป็นเงินดอล์ล่าร์ได้ไหม ร้านแรกไม่รับ แต่ร้านที่สองนี่ซิครับ คนขายเป็นน้องหมวย ผิวขาว หน้าตาน่ารักมาก ทุกๆครั้งที่เธออธิบายว่าแต่ละไม้ที่ผมชี้คือเนื้ออะไร เธอจะตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสและสะกดผมให้มองหน้าคนขายตลอดเวลา พอผมถามว่าจ่ายเป็นดอล์ล่าร์ได้ไหม น้องหมวยที่น่ารักคนนี้ดันบอกว่าได้และเธอก็บอกว่าไม้ละ “5 ดอล์ล่าร์
                พี่น้องครับที่ผมจะเล่าต่อไปนี้คือความโง่ที่สุดในชีวิตของผมและโมชตั้งแต่เกิดมาเลย เพราะทุกๆครั้งที่น้องหมวยคนนี้ชวนผมและโมชซื้อแต่ละไม้ด้วยรอยยิ้ม ผมและโมชต่างก็เข้าใจผิดว่า 5 ดอล์ล่าร์ คือ 5 หยวน! และพวกเราก็ดันซื้อซะด้วย..... โง่ไหมละครับ ผลของการไม่มีสติ และหลงอยู่ในรูป กลิ่น เสียง
  
                "โมชกำลังไปเจรจาต๊าอ่วยกับแม่ค้าเพื่อขอซื้อของเป็นเงินดอล์ล่าร์ได้หรือไม่ ส่วนที่โมชถือเปิปพิศดารอยู่นั้นไม้แรกที่เป็นก้อนดำๆ คือหอยโข่ง รสชาติเค็มปี๋ๆๆๆๆๆมาก ส่วนไม้ตรงกลางที่มีหัวเหลืองๆ คือหอยชนิดหนึ่งรสชาติจืดสนิท"
                พวกเราซื้อมาทั้งหมด 5 ไม้ มีหอยโข่ง 1 ไม้ หอยประหลาดอีก 2 ไม้ งู 1 ไม้ และเนื้ออะไรก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าคนขายเชียร์เลยซื้ออีก 1 ไม้ โมชควัก 5 ดอล์ล่าร์ ผมควัก 20 ดอล์ล่าร์ พวกเราจ่ายไป 25 ดอล์ล่าร์โดยไม่ได้รู้ตัวเลย หลังจากที่ผมจ่ายไปน้องหมวยคนนี้ยังทำหน้าคิกขุมาถามพวกผมอีกว่า นี่แบงก์ดอล์ล่าร์จริงหรือเปล่า ดู๋ดู ดูหล่อนถาม ด้วยความที่หมวยคนนี้คุยเก่งมาก หล่อนถามพวกผมว่ามาจากที่ไหนกัน โมชรีบตอบทันทีว่า “Thailand!” “Thailand ! I want to go! Do you have Thai money?” หล่อนถามพวกผมกลับ โมชจึงควักแบงก์ 20 ให้ทันที พอน้องหมวยได้ชมและสัมผัสปุ๊ป จึงรีบถามทันทีว่าขอได้ไหม แหมเสี่ยโมชซะอย่างก็ต้องให้อยู่แล้ว สำหรับเนื้อที่พวกผมกินกันคนล่ะไม้ ขอบอกได้คำเดียวว่ารสชาติช่างไม่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปจริง เพราะรสชาติจืดสนิท เนื้อก็เฝื่อนๆ บางไม้ไม่จืดแต่เค็มปี๋เลย ขนาดใส่พริกป่นกับน้ำจิ้มเพิ่มเข้าไปแล้วยังไม่สามารถเพิ่มรสชาติได้  รสชาติแย่มากถึงขั้นที่พวกเราจะโยนทิ้งลงขยะในทันที (ขนาดผมเป็นคนที่กินอะไรจะไม่ยอมให้เหลือเพราะเสียดายของยังทนไม่ได้เลย) เผอิญมีคนเก็บขยะเดินผ่านมาพอดีจึงเป็นความโชคดีของพวกผมที่ไม่ต้องฝืนกินและคนเก็บขยะที่ยินดีรับของกินจากพวกผม
                เมื่อพวกผมเดินออกจากร้านของน้องหมวยไปถึงสุดถนนก็จะเจอโซนที่เป็นย่านช็อปปิ้ง (เหมือนสยามสแควร์บ้านเราเลย แต่ถนนจะกว้างกว่ามาก) ทีแรกผมนึกว่าผมจะเดินย่านนี้อย่างมีความสุขเพราะได้เห็นสาวๆสวยๆน่ารักๆเดินช็อปปิ้งกันเต็มถนน แต่พอผมมาฉุกคิดเรื่องเงินที่จ่ายไปกับเปิบพิศดาร 5 ไม้ (เพิ่งจะมารู้ตัวโดนหลอก) ความโง่ที่เกิดขึ้นทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองมีเขางอกที่หัว และรู้สึกเซ็งมากๆ สมองซีกซ้ายเริ่มทำงานผมเริ่มคำนวณ 1 ดอล์ล่าร์ เท่ากับ 33 บาท, 25 ดอล์ล่าร์ ก็ 825 บาท, 1 หยวน เท่ากับ 4 บาทกว่า ตีซัก 5 บาทล่ะกันจะได้คิดง่ายๆ, 25 หยวน มันก็แค่ 75 บาทนี่หว่า.....โอ้โห โลกนี้แทบมืดมน นี่เรา 2 คนเสียค่าโง่ไปตั้ง เจ็ดร้อยกว่าบาทเลยหรือเนี่ย!!!! ช่างเป็นเปิบพิศดารที่แพงที่สุดและรสชาติแย่ที่สุดเท่าที่ผมเคยกินมาเลย....ถ้ามีคนถามผมว่าแล้วทำไมไม่ไปทวงเงินคืนล่ะ จ่ายแพงเกินจริงตั้งขนาดนั้น.....นั่นสิทำไมผมไม่ไปทวงตังคืนนะ ไม่รู้เหมือนกันแฮะ.....
                กลับมาคุยเรื่องย่านช็อปปิ้งของ WANG FU JING กันต่อดีกว่า ส่วนเรื่องเปิปพิศดารนั้นคงต้องวางอุเบกขาดีกว่า แล้วมาหลงรูปรสกลิ่นเสียงย่านช็อปปิ้งตรงนี้แทน
                ที่ WANG FU JING นอกจากจะมีถนนที่ขายของกินแปลกๆแล้ว ยังเป็นแหล่งช็อปปิ้งด้วย มีห้างสรรพสินค้าและร้านค้าเยอะแยะมากมาย ขณะนั้นเป็นเวลา 3 ทุ่มกว่าๆ แต่คนเดินถนนเส้นนี้ยังพลุกพล่านและร้านค้าต่างๆก็ยังไม่ถึงเวลาปิดบริการ ส่วนสินค้าที่ขายบริเวณนี้ก็มีทั้งสินค้าแบนเนม และไม่แบนเนม มีร้านอาหารหลากหลายนานาชาติ ร้านไอติม ร้านกิฟช๊อบ ร้านขายของที่ระลึก และมีมินิคอนเสิดด้วย เรียกได้ว่าแสงสีบนถนนเส้นนี้มีสีสันมากๆ และมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาเดินกันเยอะมาก พอๆกับชาวจีนที่มาเดินถนนเส้นนี้เลยอาจเป็นเพราะใกล้เทศกาลโอลิมปิกก็เป็นได้ถึงได้มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวประเทศนี้เยอะ ผมและโมชเดินมาถึงร้านขายของที่ระลึกงานโอลิมปิกร้านหนี่ง โมชรู้สึกตื่นเต้นมากรีบวิ่งเข้าไปหาซื้อของฝาก ส่วนผมไม่ได้สนใจอะไรมากนักกับของที่ระลึกและอีกเหตุผลหนึ่งคือข้างในร้านคนเยอะมากๆๆๆ แถบจะแย่งกันซื้อ ผมจึงยืนรออยู่ข้างนอกดูคนสวยเดินผ่านไปผ่านมา จนกระทั่งถึงเวลาสี่ทุ่มก็มีพนักงาน 2 คนของร้านเดินมาที่ประตูทางเข้าแล้วพลิกป้ายคำว่า OPEN เป็น CLOSE ผมเห็นนักท่องเที่ยวหลายคนต้องการจะเข้าไปข้างในร้านแต่พนักงาน 2 ท่านนี้ห้ามไม่ให้เข้ามาแถมยังไล่แบบไม่สุภาพอีกด้วย ทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนแสดงสีหน้าตกใจ ยืนงงอยู่หน้าร้านเป็นจำนวนมาก ตัวผมเองก็ไม่สามารถเข้าไปข้างในร้านเช่นกันจึงต้องยืนรออยู่หน้าร้านจนกว่าโมชจะซื้อของเสร็จ แต่ท้ายที่สุดเพื่อนผมก็เดินออกมาตัวเปล่า เพราะสินค้าแพงมาก ซื้อไม่ลง
  
"เดินเล่นบริเวณถนนคนเดิน ณ. WANG FU JING"
            ผมและโมชเดินตรงมาเรื่อยๆโดยไม่รู้ว่าสถานนีรถไฟใต้ดินอยู่ตรงไหน ก็อาศัยว่าเดินไปเรื่อยๆแหละเดี๋ยวก็เจอเอง ตอนนี้เพิ่งจะสี่ทุ่มกว่าๆรถไฟใต้ดินคงยังไม่หมดหรอกมั้ง เพราะที่เมืองไทยกว่ารถไฟฟ้าและรถไฟใต้ดินจะหยุดวิ่งก็ประมาณเที่ยงคืน ที่นี่ก็คงเป็นเหมือนกัน และแล้วท้ายที่สุดพวกผมก็เจอสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ผมเห็นทุกๆคนรีบวิ่งกันลงสถานีอย่างเร่งรีบ ผมดูนาฬิกาซึ่งตอนนั้นกำลังจะ  5 ทุ่มด้วยคอมมอนเซนด์ผมจึงรู้ว่า รถไฟใต้ดินที่นี่น่าจะปิด 5 ทุ่มเหมือนเกาหลี จึงใส่เกียร์ 5 วิ่งไปซื้อตั๋วพร้อมขึ้นรถไฟทันทีซึ่งพวกผมก็โชคดีมากที่พวกเราทันรถขบวนเที่ยวสุดท้ายของสายซึ่งพาพวกเราไปโผล่ที่สถานี DONG ZHI MEN เพื่อเรียกแท๊กซี่กลับโรงแรมอย่างหมดสภาพและอ่อนเปลี้ยเพลียแรงยิ่งนัก
ติดตามอ่านสองเงาในมองโกเลีตอนที่๖เร็วๆนี้นะคร้าบ^^

*****




กิจกรรมของชมรมฯ

2 มกราคม 65 คุณ Sayam Sretkit ถวายสังฆทานรวมถึงถวายพระพุทธรูปที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ วัดพระธาตุจอมแจ้งต.ทุ่งยาวอ.ปายจ.แม่ฮ่องสอน
1 มกราคม 65 ถวายตู้พระบรมสารีริกธาตุและอรหันต์ธาตุ รวม 743วัด
1 มกราคม 65 คุณ Veerapol Teeravorn บรรจุ พระบรมสารีริกธาตุ ๔๒ องค์ สมเด็จองค์ปฐม หล่อถวายวัดดอยเสด็จ จ.เลย
30 ธันวาคม 64 นำตู้พระบรมฯ(โครงการตู้บุญไม่จำกัดปี7)
27 ธันวาคม 64 มอบพระบรมสารีริกธาตุจำนวน 30 องค์ พระธาตุพระสีวลีจำนวน 3 องค์ ณ วัดราษฎรอุทิศ จังหวัดร้อยเอ็ด
23 ธันวาคม 64 บรรจุ​พระบรม​สารี​ริก​ธาตุ​ในองค์สมเด็จ​องค์​ปฐม 4 แห่ง
23 ธันวาคม 64 น้อมถวายตู้​พระบรมธาตุ​ชมรม​รักษ์​พระบรมธาตุ​แห่ง​ประเทศไทย​อัญเชิญ​ประดิษฐาน​ในองค์​พระธาตุ​พนม​บรมเจดีย์
20 ธันวามคม 64 จากโพสต์ คุณ รัชฎาภรณ์ แสนจักร์ ถวาย พระบรมสารีริกธาตุพระสงฆ์ 250 รูป มาร่วมงานบุญทอดผ้าป่าสภาสงฆ์จังหวัดเลย ประจำปี 2564 (รอบที่ 4 อำเภอที่11) ทอดถวาย ณ วัดแสงอรุณ บ้านกลาง ต.เชียงกลม จ เลย
10-19 ธันวาคม 64 จากโพสต์ คุณ รัชฎาภรณ์ แสนจักร์ มอบเจดีย์ผอบทอง เจดีย์ผอบใส ผอบทองเหลือง พานรองเจดีย์ เพื่อน้อมบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
18​ ธันวาคม​ 64 ถวายพระบรมธาตุ​ในองค์พระเจดีย์​ แด่หลวงปู่ครูบาอินแก้ว สำนัก​สงฆ์​ถ้ำอ่างสลุง​ แม่ระมาด​ ตาก
18 ธันวาคม 2564 บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุพระปัจเจก​พระพุทธ​เจ้า พระอรหันตสาวกธาตุ และ​วัตถุ​มงคลต่างๆ ณ วัดบ้านหนองเปือยน้อย ตำบลกู่สันตรัตน์ อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม
12 ธันวาคม 2564 คุณ Ka Taew NK น้อมถวายพระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุพระปัจเจก​พระพุทธ​เจ้า พระอรหันตสาวกธาตุ พระครูโสภณสมณกิจ (หลวงปู่บุญจันทร์ ดำ สีลคุโณ) วัดป่ามณีศรีโคตมวงษ์ อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี
11 ธันวาคม 64 ถวายพระบรมสารีริกธาตุ​ ณ วัดบ้านป่าเหว อ.เมืองปาน จ.ลำปาง.
12 ธันวาคม 2564 น้อมถวายพระบรมสารีริกธาตุในแดนพุทธภูมิ บรรจุ ในองค์พระ ณ วัดปากน้ำโพเหนือ นครสวรรค์
8-9 ธันวาคม 2564 น้อมถวายสมเด็จองค์ปฐมหลวงปู่ 82 องค์ ถวายสังฆทาน กาแฟ ณ วัดพระธาตุพนม
10 ธันวาคม 2564 คุณ Ka Taew NK ถวายพระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุพระปัจเจก​พระพุทธ​เจ้า พระอรหันตสาวกธาตุหลวงปู่คลาด ครุธัมโม เพื่อประดิษฐานไว้ในพระเจดีย์ศรีภูพระบาท ทรงจักรีฉัตร 9 ชั้น วัดป่าบ้านใหม่ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี
7 ธันวาคม 64 ถวาย​ พระบรมธาตุ​​พระอาจารย์​ฐิติ​นันท์​ คำนวน​ ท่านเจ้าอาวาสวัดอุมลอง
8 ธันวาคม 64 คุณ รัชฎาภรณ์ แสนจักร์ น้อมถวายพญาครุฑทอง น้อมบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ19 องค์ ที่โรงงานรุ่งเรืองศิลป์หล่อพระ
5 ธันวาคม 64 คุณ รัชฎาภรณ์ แสนจักร์ มอบพระบรมสารีริกธาตุ ประดิษฐานในองค์พระ
2-4 ธันวาคม 64 คุณพเยาว์ศรี โครตวงษา ( แม่น้อย) เป็นตัวแทนไปมอบถวาย พระบรมสารีริกธาตุ วัดป่าสมบรูณ์ธรรม, วัดพระธาตุแช่แห้ง และ วัดสันก้างปลา
4 ธันวาคม 2564 จากโพสต์ คุณ Ka Taew NK ถวายพระบรมสารีริกธาพระสมุห์สมศักดิ์ กิตฺติสารเมธี วัดศรีบุญเรือง ตำบลวังสะพุง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย
2 ธันวาคม 2564 จาก โพสต์ คุณ Dadra Rada Flower ถวายพระบรมสารีริกธาตุแด่ท่านเจ้าอาวาส @วัดถ้ำพระธาตุ(สายเอก) ต.โคกตูม อ.เมือง จ.ลพบุรี
28-11-64 ถวายพระบรมธาตุแด่ พระอาจารย์ ไมเคิล วังชุก นิกายวชิรญาณ ไปประดิษฐาน วัด Utok Goumpa monastry at Paro ณ ประเทศภูฏาน​ไปประเทศ​ภูฏาน​
28 พฤษศจิกายน 64 จากโพสต์ พระณัฐพล ปญฺญาวุฑฺโฒ ภิกขุ ได้รับพระธาตุเพื่อบรรจุพระสถูปเจดีย์จากชมรม ณ วัดเตาปูน ตำบล ห้างฉัตร อำเภอ ห้างฉัตร จังหวัด ลำปาง.
29 พฤษศจิกายน 64 จากโพสต์ พระสุยาพร ภูริปญฺโญ มอบถวายพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันธาตุและผอบแก้ว ท่านพระครูสิริธรรมบัณฑิต,ผศ,มหาลัยสงฆ์นครลำปาง
29 พฤษศจิกายน 64 จากโพสต์ คุณ รัชฎาภรณ์ แสนจักร์ ถวายพระแก้วแดง บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ 9 องค์ ณ สถานธรรมพุทธพรหมปัญโญ สาขา จ.แพร่
#สรุปงานบุญกฐินชมรมรักษ์ปี2564
21​ พฤศจิกายน​ 64 ร่วม หล่อพระบรมไตรโลกนาถ​ หลวงปู่​ทวด​ หลวงปู่โต​ หลวงปู่มั่น​ หลวงปู่ครู​บาศรี​วิชัย ณ วัดป่า​ชุมพลบุรี​ จ.สุรินทร์
22 พฤษศจิกายน 64 คุณ รัชฎาภรณ์ แสนจักร์ มอบพระบรมสารีริกธาตุ บรรจุหล่อหลวงปู่ดู่หน้าตัก 5 เมตร 59 องค์ บรรจุองค์พระจักรพรรดิ 9 องค์
22 พฤษศจิกายน 64 คุณ รัชฎาภรณ์ แสนจักร์ มอบพระบรมสารีริกธาตุ ถวายหลวงปู่ทิวา อาภากโร ศูนย์ปฎิบัติธรรมเสริมรังสี อ.ปากช่อง จ.นครราชศรีมา
24 พฤษศจิกายน 64 คุณ Therdthai X Khamtad อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ๙๘ องค์ ถวายหลวงปู่บุญศรี จันทโชโต วัดป่าหินฮาวสังฆมณีศรีธันดร จ.มหาสารคาม
17 พฤษศจิกายน 64 คุณ Therdthai X Khamtad อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ บรรจุพระเกศพระสมณโคดมหน้าตัก40นิ้ว ประดิษฐานที่อาคารปฎิบัติธรรม วัดพระธาตุพนม
17 -11-64 กฐิน​วัดป่าชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์​ พวกเราน้อมถวาย​ ๓๒,๐๐๐​ บาท
วันที่ 17 พฤษศจิกายน 64 กลุ่มบัวผลิหน่ออัญเชิญพระบรมธาตุ พระอรหันตธาตุจากชมรมฯบรรจุในเจดีย์หินอ่อนถวาย สำนักสงฆ์ถ้ำพระธาตุเจริญธรรม อ.แก่งคอย จ.สระบุรี
17 พฤษศจิกายน 64 พระอาจารย์ชุมพล บุญจันทร์ถวายพระบรมสารีริกธาตุ และร่วมทำบุญทอดกฐินสามัคคี แก่ท่านพระครูประทีปปัญญาวุธ จต.ละทาย จร.วัดบ้านโอ้น
14 พฤศจิกายน 64 บุญกฐิน อริยะแห่งพุทธประเพณี​ ณ​ วัดกู่สุวรรณ​วนาราม
14 พฤศจิกายน 64 คุณ รัชฎาภรณ์ แสนจักร์ มอบพระบรมสารีริกธาตุ ประดิษฐานบรรจุหล่อองค์พระประธานเนื้อโลหะ ในงานบุญกฐิน วัดป่าปทุมสิราวาส อ.สันทราย จ.เชียงใหม่
14 พฤศจิกายน กฐิน ณ.วัดแหลมตะลุมพุก ม.1ต.แหลมตะลุมพุกอ.ปากพนังจ.นครศรีธรรมราช (กฐินสามัคคียอดรวมสุทธิ 246144บาท)
11-11-21 อัญเชิญ​พระบรมธาตุ​ พระธาตุบรรจุเจดีย์​ 28​ องค์​ วัดพระธาตุศรี​เวียงชัย​ ลำพูน​, พระบรมธาตุ​และพระอรหันต​ธาตุ​ไปประดิษฐาน​ วัดพนมปรำพิล ประเทศกัมพูชา​
วันที่ 12 พ.ย 64 ณ Therdthai X Khamtad อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อบรรจุพระ
สนจักร์ มอบพระบรมสารีริกธาตุห้คุณสมชาย งามสวย เพื่อน้อมอัญเชิญประดิษฐานองค์พระ และมอบถวายพ่อแม่ครูบาอารย์ ในช่วงงานกฐิน ปี 2564
วันที่ 9 พ.ย 64 คุณ รัชฎาภรณ์ แสนจักร์ มอบพระบรมสารีริกธาตุ ถวายท่านพระครูสังฆรักษ์ พชรพล วิถีธรรม วัดโพธิ์ชัย บ.นาไก่ อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู
วันที่ื 7 พ.ย. 64 คุณ รัชฎาภรณ์ แสนจักร์ มอบถวายพระบรมสารีริกธาตุถวายพระอาจารย์เสกสรร ถวายวัดดอยข่อยเขาแก้ว อ.เมือง จ.ตาก
วันที่ 9 พ.ย 64 บรรจุ​พระบรมธาตุ​พระอรหันต​ธาตุ​ สำนักธรรมจาริก​ดอยมูเซอ บ้านแม่ท้อ​ จังหวัดตาก
วันที่ 30 ตุลาคม 64 คุณ Therdthai X Khamtad อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ บรรจุยอดพระเกศพระรัตนสัมภวะพุทธะ
วันที่ 31 ตุลาคม 2564 บุญกฐินวัดป่าดงยางใหญ่
วันที่ 25 ตุลาคม 64 โครงการตู้บุญไม่จำกัดปี7 ถวายตู้พระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันต์ธาตุโดยอัญเชิญพระธาตุจากชมรมรักษ์พระบรมธาตุแห่งประเทศไทย
วันที่ 5 พฤศจิกายน 64 โครงการตู้บุญไม่จำกัดปี7 ถวายตู้พระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันต์ธาตุโดยอัญเชิญพระธาตุจากชมรมรักษ์พระบรมธาตุแห่งประเทศไทย
23-10-64 ชมรมฯ​น้อมถวายพระ​บรมส​า​รี​ริก​ธาตุ​ และ​พระอรหันต​ธาตุ​ วัดวชิร​ธรร​มา​วาส​ ลาดกระบัง
24-10-64 น้องเจ​สราวุฒิ​ สวัสดิ์​กลาง ร่วมเป็น​เจ้าภาพ​กฐินวัดหญ้าคา​ อำเภอโนนสูง​ นครราชสีมา
23 ตุลาคม 2564 คุณธิดาพร อยู่คล้าย อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุพระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอรหันตธาตุ ประดิษฐาน ณ วัดวงษ์เพชร ต.โคกตูม อ.เมือง จ.ลพบุรี
24 ตุลาคม64 คุณ รัชฎาภรณ์ แสนจักร์ ถวายปัจจัยร่วมบุญกฐิน ปี 2564 วัดถ้ำเมืองนะ และ พระบรมสารีริกธาตุ 9 องค์ และพระจักรพรรดิปิดทอง
23 ตุลาคม 64 กลุ่มสะพานบุญ นำตู้พระบรมฯ(โครงการตู้บุญไม่จำกัดปี7)ถวายตู้พระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันต์ธาตุ
22 ตุลาคม 64 จากโพสต์ รัชฎาภรณ์ แสนจักร์ น้อมถวายพระบรมสารีริกธาตุ 9 องค์ ที่วัดหลวงพ่อใส น้อมถวายพระพุทธเจ้าปางจักรพรรดิ 5 พระองค์ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุรวม 45 องค์ รอบพระธาตุพนม
13 ตุลาคม 2564 เข้าร่วมพิธีอัญเชิญ พระบรมสารีริกธาตุ, พระอรหันตธาตุ, อัฐิธาตุ พระอริยสงฆ์ องค์พ่อแม่ครูอาจารย์ ขึ้นประดิษฐาน ณ เจดีย์ "รังสีรัตนเจดีย์" ในวิหารบูรพาจารย์ วัดรังสีรัตนวารี (วัดป่าเชิงเลน)
19​ ตุลาคม​ 64 น้อมถวายพระ​บรมส​า​รี​ริก​ธาตุ​ พระปัจเจก​พระ​พุทธเจ้า​พระอรหันต​ธาตุ ณ​ เจดีย์​ทันใจ​ วัดเสม็ดใต้​ อ.บางคล้า​ จ.ฉะเชิงเทรา​
17 ตุลาคม 64 คุณอรพรรณ ขัมภรัตน์ อัญเชิญพระบรมธาตุและพระอรหันตธาตุถวายวัดถ้ำขุนแผน จ.กาญจนบุรี
17 ตุลาคม 64 จากโพสต์ คุณ รัชฎาภรณ์ แสนจักร์ มอบพระบรมสารีริกธาตุ ให้คุณแม่ชีต่าย 9 องค์ ร่วมหล่อพระพุทธเจ้าหน้าตัก 2 เมตร ได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
12 ตุลาคม 64 น้อมถวายพระบรมธาตุ พระปัจเจกพระพุทธเจ้า พระอรหันตธาตุ บรรจุในองค์พระพุทธรูป ๒ องค์ ซ้าย ขวา หน้าพระวิหาร วัดโป่งทองชัยพัฒนาราม บึงกาฬ.
11 ตุลาคม 64 ถวายพระบรมธาตุแด่ 6 วัด
29 กันยายน 64 คุณ รัชฎาภรณ์ แสนจักร์ ถวายพระแก้วทอง และพระแก้วมรก พร้อมด้วยพระบรมสารีริกธาตุ 9 องค์ 2 ชุด และพญาครุฑ 2 ตน ที่สำนักปฏิบัติธรรมถ้ำป่าหก ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
29 กันยายน 64 MadameJin Newlife คุณแม่มณียา ณ อุบล ถวายพระบรมสารีริกธาตุ พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ธาตุ ณ วัดป่าอุดมธรรมทักษิณาราม จ.ยโสธร
26 กันยายน 64 คุณ รัชฎาภรณ์ แสนจักร์ ถวายพระบรมสารีริกธาตุ 9 องค์ วัดกอม่วง ต.อุโมงค์ อ.เมือง จ.ลำพูน
24 กันยายน 64 เทอดไทได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ๑๐๐องค์ ถวายพระครูอรรถสารโสภิต
23 กันยายน 64 คุณ Therdthai X Khamtad อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ๗๙องค์ ถวายพระสุทธิธรรมโสภณ เจ้าอาวาสวัดป่าวังเลิง
19 กันยายน 64 คุณ รัชฎาภรณ์ แสนจักร์ ร่วมบุญกับพระอาจารย์ เสกสรร ที่ศาลหลักเมืองเขต เชียงใหม่-ลำพูน
21 กันยายน 64 คุณ รัชฎาภรณ์ แสนจักร์ อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ประดิษฐาน ที่เศียรพระประธาน ประดิษฐาน พระบรมสารีริกธาตุบรรจุ 19 องค์ พระอรหันต์ธาตุ 6 องค์ ณ ศาลาปฎิบัติธรรม วัดป่าประสงค์ธรรม จ.เลย
21 กันยนยน 64 คุณ Therdthai X Khamtad ถวายพระบรมสารีริกธาตุ ๓๘ องค์ เจ้าอาวาสวัดหนองตูบ
19 กันยายน 64 คุณ Therdthai X Khamtad ถวายพระบรมสารีริกธาตุ ๑๐๘ องค์ ณ เจดีย์ วัดพุทธมงคล
18 กันยายน 64 คุณ รัชฎาภรณ์ แสนจักร์ น้อมถวายพระบรมสารีริกธาตุ9องค์ ที่วัดดอยอุดมธรรม อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
18 กันยายน 64 คุณ Therdthai X Khamtad ถวายพระบรมสารีริกธาตุ ๗๘องค์พระเทพสิทธาจารย์
16 กันยายน 64 คุณ Therdthai X Khamtad ถวาย พระบรมสารีริกธาตุ ๓๘ องค์พระครูปลัดทรงศักดิ์ นิราลโย เจ้าอาวาสวัดป่าวังน้ำเย็น
๑๐​ กัน​ยายน ๖๔ ณ​ วัดป่าเขาภูหลวง วังน้ำ​เขียว​ นครราชสีมา​น้อมถวาย​ ธรรมจักร​บรรจุ​พระบรม​สารี​ริก​ธาตุ​ พระแก้วมรกต​เลี่ยม​ทอง ปู่บุญ​ส่ง​ ฐิต​
8 กันยายน 64 โดย คุณณัฐชานันท์ สัจจะวรโภคิน ถวายตู้พระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันต์ธาตุ โครงการตู้บุญไม่จำกัดปี7
30 สิงหาคม 64 โดย คุณณัฐชานันท์ สัจจะวรโภคิน ถวายตู้พระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันต์ธาตุ โครงการตู้บุญไม่จำกัดปี7
28 ส.ค. 64 จากโพสต์ MadameJin Newlife อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ถวายแด่ท่านพระครูอินทชัยคุณ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ชัย ต.ศรีธาตุ อ.ศรีธาตุ จ.อุดรธานี
28 ส.ค. 64 สายบุญ คุณ รัชฎาภรณ์ แสนจักร์ ถวายผอบทองเหลือง -เพื่อน้อมบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระอาจารย์เสกสรร จิรธฺมโม ภักดีผล ถวายหลวงตาม้า
25/8/61 ถวายตู้พระบรมธาตุและเจดีย์ หลวงปู่ทอง ณ วัดมหาธาตุ ฯ
26 ส.ค. 2561 ถวายผอบเจดีย์ประดิษฐานอัฐิหลวงปู่ฝั้น วัดถ้ำขาม สกลนคร
20 ส.ค. 64 กลุ่มสะพานบุญที่ให้ความอนุเคราะห์พระบรมฯและพระธาตุ นำถวายตู้พระบรมฯ(โครงการตู้บุญไม่จำกัดปี7)ถวายตู้พระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันต์ธาตุโดย คุณณัฐชานันท์ สัจจะวรโภคิน(อุ๋ม)
18 สิงหาคม 2563 ซ่อมแซม บูรณะ​ องค์​พระพุทธ​จักรพรรดิ​รัตน​วร​มหา​มุ​นี
17 สิงหาคม 2564 สายบุญคุณ รัชฎาภรณ์ แสนจักร์ ถวายพระแก้ว-ทอง บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
15-16 สิงหาคม 2564 สายบุญคุณ รัชฎาภรณ์ แสนจักร์ มอบพระสมเด็จองค์ปฐมและพระบรมสารีริกธาตุ บรรจุ ผอบเจดีย์ใส ให้กับนักบิน-ตชด
16-8-63 , 17​-8-62, 17-8-59 กิจกรรมน้อมถวายพระบรมธาตุ
16 สิงหาคม 2564 จากโพสต์ MadameJin น้อมถวาย พระบรมสารีริกธาตุ และสมเด็จองค์ปฐม ณ วัดโพธิ์ชัย ต.นายูง อ.ศรีธาตุ จ.อุดรธานี
12​ สิงหาคม​ 64 น้อมถวายเจดีย์บรรจุสมเด็จองค์​ปฐม​พร้อมด้วย​อัญมณี​นพรัตน์​ แด่ท่าน​พระอาจารย์​วร​ชัย​ วร​ชโย​ ท่านเจ้าอาวาสวัดดงยางใหญ่
27-6-58 ณ​ วัดแม่อ้อใน อ.พาน จ.เชียงราย น้อมถวายพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันต​ธาตุ​ จำนวน ๒๒ วัดแด่พระครูอุดมพัฒนสุนทร
9 สิงหาคม 2564 คุณ​พรรณทิพย์​น้อมถวายเจดีย์พระธาตุที่วัดถ้ำปากเปียง จ.เชียงใหม่
10​ สิงหาคม​ 58​ ชมรมรักษ์พระบรมธาตุฯ​ น้อมถวายพระบรมธาตุถวายหลวงปู่ท่าน
12 สิงหาคม 2564 จากสายบุญ คุณ รัชฎาภรณ์ แสนจักร์ ถวายพระแก้วแดง บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ณ โรงพยาบาลสันป่าตอง อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่
14 สิงหาคม 2561 น้อมถวายพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ บรรจุเจดีย์ภูถ้ำม่วง บ้านไพรสวรรค์ ต.สารภี อ.โพธิ์ไทร จ.อุบลราชธานี
12 สิงหาคม 2563 น้อมถวายพระบรมธาตุ และพระอรหันตธาตุ ณ วัดกระโจมทอง จ.นนทบุรี
5-08-63 คัดพระบรมให้ท่านสมาชิก ที่ร่วม​กิจกรรม​ 28 ท่าน ถวายบรรจุ​พระพุทธ​รูป​ บรรจุ​เจดีย์​ วัดอัมพวัน​บ้านม่วง
7-08-64 สายบุญ คุณ รัชฎาภรณ์ แสนจักร์ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ องค์พระจักรพรรดิ ณ สถานธรรมวิปัสสนา สถานพรหมปัญโญ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
3​ สิงหาคม​ 2564 น้​อมถวายพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ​แด่พระอดิเรก​ ธิตเมโธ​ เพื่อบรรจุเจดีย์​วัดเหล่าภูน้อย จังหวัด​กาฬสินธุ์
4-08-64 ถวายพระ​บรมส​า​รี​ริก​ธาตุ​แด่พระครูอนุ​พัทธ​ถ​ิ​ร​ธรรม​ ฐิต​ธั​มโม​ วัดเมือง​แป​ง จังหวัด​แม่ฮ่องสอน
ตู้บุญก.ค.64 กลุ่มสะพานบุญ โดย คุณณัฐชานันท์ สัจจะวรโภคิน(อุ๋ม)
26-7-64 สายบุญ คุณ รัชฎาภรณ์ แสนจักร์ น้อมบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
วันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ณ​ วัดพระธาตุพนมอเมริกา เมือง Yucca Valleys, California พิธีบรรจุพระสารีริกธาตุประดิษฐานไว้ที่พระธาตุพนมจำลอง



bulletHome
dot
ค้นหาบทความ

dot
dot
Pratat Gallery
dot
bulletอัลบั้ม กิจกรรมชมรมล่าสุด
bulletกิจกรรมชมรมฯ
dot
สมัครสมาชิกชมรมรักษ์พระบรมธาตุฯฟรี/apply for membership
dot
bulletกรอกรายละเอียดสมัครสมาชิก/applying click here
dot
ติดต่อสอบถาม/contact us
dot
bulletติดต่อสอบถามคลิ๊กที่นี่/Click here
dot
ห้องพระรัตนตรัย
dot
bulletห้องพระพุทธ(ตำนานและพุทธประวัติ)
bulletห้องพระธรรม
bulletห้องพระอริยสงฆ์
bulletพระธาตุเสด็จ
dot
เว็บพันธมิตร
dot
bulletพลังจิต
bulletอุณมิลิต
dot
เว็บธรรมะ
dot
bulletหลวงปู่มั่น
bulletหลวงตามหาบัว
bulletกฎแห่งกรรมของหลวงพ่อจรัญ
bulletหลวงพ่อครูบาเจ้าเพชรวชิรมโน
bulletเว็บเพื่อพระพุทธศาสนา
bulletโลกทิพย์
bulletตามรอยพระพุทธบาท
bulletศาลาปฎิบัติกรรมฐาน
bulletลานธรรมเสวนา
bulletพระไตรปิฎกฉบับประชาชน
bulletไทยแวร์ธรรมะออนไลน์
bulletวัดจันทาราม (ท่าซุง) จ.อุทัยธานี
bulletวัดพระธาตุพนม




Copyright © 2010 All Rights Reserved.